Blog-Yamaha-History-Of-MAX-Series-800x420
Reviews

ประวัติ MAX Series ออโตเมติกพรีเมียมสปอร์ต ที่ครองใจวัยรุ่นทั่วโลก


youtube embed

     
1

เปิดประวัติมอเตอร์ไซค์ MAX Series ออโตเมติกพรีเมียมสปอร์ต


 

     เชื่อเหลือเกินว่าเพื่อนๆ ชาวมอเตอร์ไซค์นั้น ย่อมที่จะรู้จักกับตระกูล MAX Series จากทางค่ายดังอย่าง Yamaha แน่ๆ ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกใช้กับรถสกู๊ตเตอร์คันเก่งหลากหลายรุ่น ที่ออกมาโลดแล่นบนท้องถนน แต่อยากรู้กันไหมว่า จุดเริ่มต้นนั้นมีที่มาอย่างไร กว่าจะเดินทางมาถึงทุกวันนี้ ครั้งนี้เราจะพาไปเจาะลึกแบบละเอียดสุดๆ กับที่มาของ Max Series!

 
2
 

จุดเริ่มต้นในการก่อกำเนิด รถซูเปอร์ออโตเมติก MAX Series

 
3
 

     ย้อนหลังกลับไปในปี 1995 ทางค่าย Yamaha ได้ทำการเปิดตัวรถสกู๊ตเตอร์รุ่นแรกสุดอย่าง Majesty ในพิกัด 250cc ที่ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างดี และหลังจากนั้นได้มีการพัฒนาต่อยอดมาสู่ TMAX รุ่นแรกที่มีพิกัดใหญ่ขึ้นที่ 500cc พร้อมกับแนวคิดรถแบบ “ซูเปอร์ออโตเมติก” ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในยุคนั้น รวมเข้ากับการออกแบบที่ล้ำสมัย และได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ซึ่ง TMAX นั้นนับได้ว่าเป็นรถรุ่นแรกสุดของ MAX Series และถูกนำเอา DNA จากรถรุ่นนี้สืบทอดลงมาสู่รุ่นน้องอย่าง XMAX และ NMAX ซึ่งทั้ง 2 รุ่นหลังนั้นจะให้การขับขี่ที่มีความคล่องแคล่ว สปอร์ต และมีความสะดวกสบายในตัว โดยได้รับการพิสูจน์จากลูกค้าจำนวนมากแล้วว่ายอดเยี่ยมขนาดไหน โดยหัวใจสำคัญของรถใน MAX Series นั้นก็คือ สมรรถนะในการขับขี่ ทั้งทางตรง ทางโค้ง และการเบรก ที่สอดคล้องกันอย่างลงตัวนั่นเอง

 
4
 

     ดังนั้นแล้วเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า หากไม่มี Majesty นั้น ก็อาจจะไม่มี MAX Series ในปัจจุบันนี้ก็เป็นได้ ซึ่งเจ้า Majesty ได้รับการออกแบบพัฒนามาในแนวรถสปอร์ตสกู๊ตเตอร์ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะที่พาให้คุณเดินทางไปยังจุดหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเน้นความสนุกสนานในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถแนวสปอร์ตไบค์ด้วย ด้วยมิติของตัวรถที่กว้างขวาง การทำแอโรไดนามิกที่ดี เครื่องยนต์อันทรงพลัง เลยทำให้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในญี่ปุ่นขณะนั้น ก่อนจะไปสร้างความนิยมกันต่อในทางฝั่งยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลี ที่ขึ้นชื่อว่ามีรถสกู๊ตเตอร์ให้เลือกใช้งานหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ Yamaha ก็สามารถเจาะตลาดได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยหัวหอกอย่าง Majesty นั่นเอง ที่มีความโดดเด่นในเรื่องความคล่องตัวสำหรับการจราจรที่ติดขัด ความสะดวกสบายในการเดินทาง และความสนุกสนานของอัตราเร่งและการเข้าโค้ง จึงเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนอิตาลี ที่มีความหลากหลายของสภาวะการขับขี่เอามากๆ

 
5
 

     จากไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่ทาง Yamaha ได้สังเกตเห็นนั้น จึงทำให้ต้องการที่จะพัฒนาอะไรที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นไปอีก จนนำมาสู่ TMAX รถซูเปอร์สปอร์ตแบบออโตเมติกรุ่นแรกของตระกูล MAX โดยทีมวิศวกรที่ออกแบบรถรุ่นนี้ ต่างก็เคยทำงานกับรถสปอร์ตของทาง Yamaha มาก่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแชสซี หรือว่าเครื่องยนต์ จึงไม่แปลกใจที่ TMAX นั้นจะมีความเป็นสปอร์ตในตัวอยู่มากๆ ทั้งๆที่อยู่ในร่างของรถสกู๊ตเตอร์

 
6
 

     เพื่อให้ตัวรถ TMAX 500cc รุ่นแรกที่จะถือกำเนิดออกมานั้นมีทั้งพละกำลังที่มากขึ้นกว่า Majesty 250cc ทางทีมวิศวกรของ Yamaha รู้ว่าการจัดวางสวิงอาร์มแบบยูนิตของรุ่น Majesty ไม่เหมาะกับงานนี้ เพราะว่า TMAX นั้นจะมีเรี่ยวแรงของอัตราเร่งที่สูงกว่า ใช้ระบบขับเคลื่อนที่ใหญ่ขึ้นและมีน้ำหนักมากกว่า จึงได้มีการพัฒนาสวิงอาร์มใหม่ขึ้นมาเพื่อเจ้า TMAX โดยเฉพาะ ประกอบกับหัวใจสำคัญอย่างการออกแบบเพลาบาลานเซอร์ในลูกสูบ (TMAX มี 2 ลูกสูบ) ทำให้เมื่อมองดูเครื่องยนต์ของ TMAX จากภายนอกแล้ว จะคล้ายๆ ว่าเป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบนั่นเอง โดยลูกสูบที่หันหน้าไปทางด้านหลัง จะทำหน้าที่เป็นตัวปรับสมดุลในการขับขี่ให้กับตัวรถ

 
7
 

     นอกจากนั้นแล้ว การจัดระบบขับเคลื่อน ยังถือว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญในการพัฒนาเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งพวกเขาได้เลือกใช้การแยกระบบ CVT และระบบขับเคลื่อนออกจากกัน เพื่อส่งกำลังจาก CVT ไปยังล้อหลังผ่านทางเฟืองขับและโซ่ ในลักษณะเดียวกันกับรถมอเตอร์ไซค์แบบมีเกียร์ปกติ และที่พิเศษยิ่งกว่านั้นก็คือ TMAX ยังมีเฟืองอีกตัวหนึ่งที่อยู่ระหว่างเฟืองขับหลัก และเฟืองตัวสุดท้าย ในรูปแบบการขับเคลื่อนด้วยโซ่แบบสองขั้น ทำให้การส่งกำลังนั้นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยจะสังเกตได้ว่า TMAX มีระบบการขับเคลื่อนแบบเดียวกันกับรถสปอร์ตไบค์แบบมีเกียร์ และใช้สวิงอาร์มอิสระทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนหลัง ที่นอกจากจะได้เปรียบทางด้านสมรรถนะแล้ว สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดยังสื่อให้เห็นชัดเจนว่า แม้ TMAX จะเป็นรถสกู๊ตเตอร์แบบออโตเมติก แต่ก็มีจิตวิญญาณของรถสปอร์ตไบค์อยู่อย่างเต็มตัว

 
8
 

     ในขณะที่การพัฒนาดำเนินการไป TMAX นั้นถูกเรียกตามชื่อรหัสของโปรเจ็กต์ว่า R5 ตรงนี้เพื่อนๆ น่าจะร้องอ๋อกันแล้วใช่ไหม เพราะมันสามารถเปรียบเสมือนได้ว่า มันคือหนึ่งใน R-Series รถสปอร์ตตระกูลดังจากทางค่าย Yamaha เช่นเดียวกันกับ R1, R7 หรือ R6 นั่นเอง ซึ่งเป็นความจงใจโดยตรงของทางทีมพัฒนา ที่จะทำให้เจ้า R5 หรือ TMAX นั้น มีความเป็นสปอร์ตในตัวด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องรักษาจุดเด่นของรถในแนวสกู๊ตเตอร์ ที่จะต้องมีความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือออกทริปเดินทางไว้ด้วย จึงเป็นที่มาของแนวคิด “ซูเปอร์ออโตเมติก” อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นนั่นเอง

 

     
     และเพื่อให้แนวคิดนี้กลายเป็นความจริง ทางทีมพัฒนาจึงต้องออกแบบระบบแอโรไดนามิก (หลักอากาศพลศาสตร์) ที่ยอดเยี่ยมให้ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ขับขี่ใช้ความเร็วที่ 140 กม./ชม. แต่สวมชุดสูทผูกไทอยู่ จะเป็นอย่างไร? หากต้องปะทะกับลมที่แรงในความเร็วระดับนั้น (เพราะคนที่ขับขี่ TMAX ส่วนมากจะไม่ได้ใส่เรซซิ่งสูท แต่จะแต่งตัวตามปกติในชีวิตประจำวันมากกว่า) ซึ่งสุดท้ายได้ผลลัพธ์ของการออกแบบแฟริ่งภายนอกตัวรถ ชิลด์กันลม และองค์ประกอบต่างๆ ที่ผ่านการทดสอบมาอย่างดี และมั่นใจว่าสถานการณ์ตามที่ยกตัวอย่างมา จะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

 
9
 
10
 

     ในที่สุดการพัฒนาของ TMAX รุ่นแรกก็เสร็จสมบูรณ์ในปี 2001 นับเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่ Majesty เปิดตัวในปี 1995 และหลังการเปิดตัวก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากทางลูกค้า และสร้างชื่อเสียงกระจายไปเป็นวงกว้าง ตรงนี้จึงถือเป็นจุดกำเนิดของ MAX Series ที่เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะกลายมาเป็นรากฐานที่สำคัญของ MAX Seires รุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน


     

ความก้าวหน้าของ MAX Seires


      11



     นับตั้งแต่เปิดตัว TMAX รุ่นแรกในปี 2001 ด้วยความโดดเด่นและประสิทธิภาพของตัวรถ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้ทาง Yamaha ไม่ลังเลใจที่จะนำเอาโมเดลนี้ไปพัฒนาต่อเนื่อง และในปี 2004 รุ่นที่ 2 ของ TMAX ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นมา โดยได้รับการปรับปรุงความแข็งแกร่งของแชสซี และเสถียรภาพในการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น โดยยางรถด้านหน้าจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ล้อหลังขนาด 15 นิ้ว ดิสก์เบรกหน้าคู่ และการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด หลังจากนั้นในปี 2008 TMAX รุ่นที่ 3 ก็ได้รับการอัปเดตอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งของแชสซีให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และทำการลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถลง เฟรมรถจะเปลี่ยนจากโครงเหล็กเป็นเฟรมแบบอะลูมิเนียม ซึ่งใช้เทคนิคการหล่อแบบใหม่ในขณะนั้น ที่พัฒนาโดยทาง Yamaha เอง มีคุณสมบัติเด่นที่น้ำหนักของเฟรมจะเบาลง แต่กลับมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้แล้วยังได้มีการใช้คาลิปเปอร์เบรกแบบโมโนบล็อก เช่นเดียวกับใน R-Series ด้วย ซึ่งถือว่าจัดเต็มเอามากๆ สำหรับ TMAX รุ่นที่ 3 คันนี้

 
 

TMAX รุ่นที่ 4 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด!

 
12

      

     จนเดินทางมาถึง TMAX ในรุ่นที่ 4 เมื่อปี 2012 ที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของรถรุ่นนี้ เพราะไม่เพียงแต่กลุ่มลูกค้าที่จินตนาการถึง TMAX รุ่นใหม่ที่จะมีการขับขี่ที่สนุกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทาง Yamaha เองก็จินตนาการแบบนั้นเช่นกัน ทำให้ TMAX รุ่นที่ 4 ได้รับการปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่ 500cc เพิ่มความจุมาเป็น 530cc และยังคงรูปแบบพื้นฐานของเครื่องยนต์ลูกเดิมไว้ ซึ่งส่งผลให้ตัวรถนั้นมีแรงบิดในการออกตัวที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นถึง 10% เลยทีเดียว ทำให้ได้รับกระแสการตอบรับอย่างล้นหลามเป็นวงกว้าง โดยแนวคิดนี้ส่งผลมาจนถึงการออกแบบเครื่องยนต์ของ TMAX ในรุ่นหลังๆ ที่เพิ่มความจุมาเป็น 560cc รวมไปถึง MAX Series ในรุ่นอื่นๆ ด้วย


13
 
 

     นอกจากนี้ TMAX รุ่นที่ 4 ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ถูกเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระบบการขับเคลื่อนที่ก่อนหน้านี้ใช้แบบโซ่มาตลอด ก็ถูกแทนที่ด้วยระบบการขับเคลื่อนสายพานแบบใหม่ และหลังจากนั้นการปรับโฉมในปี 2015 ยังได้มีการอัปเกรดระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับ Upside Down คาลิปเปอร์เบรกด้านหน้าเป็นแบบเรเดียลเมาท์ และปรับสวิงอาร์มให้แกร่งมากขึ้นด้วย


14
 
 

     ถึงแม้ว่า TMAX จะถูกพัฒนามาอย่างมากมายในแต่ละรุ่นนับตั้งแต่ปี 2001 แต่ทาง Yamaha ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ต้นกำเนิดแต่เดิมเอาไว้อย่างเช่น แผงหน้าปัดรุ่นแรก มีการออกแบบคล้ายๆ กับรถสปอร์ตไบค์ แต่ก็ค่อยๆ มีการปรับปรุงให้มีรูปแบบที่ทันสมัยและล้ำหน้ามากยิ่งขึ้น จนพัฒนามาให้มุมมองของผู้ขับขี่ มีความเหมือนกับการนั่งในเบาะคนขับของรถยนต์ระดับไฮเอนด์มากขึ้นนั่นเอง


TMAX โฉมใหม่ รุ่นปี 2017 ที่ได้รับการอัปเกรดอย่างมากมาย 

 
15

     เดินทางมาถึงในปี 2017 ทาง Yamaha ก็ได้ทำการเปิดตัว TMAX โฉมใหม่ ที่ได้รับการออกแบบภายนอกใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เฟรมรถและสวิงอาร์มแบบใหม่นั้น ทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถลดลงถึง 9 กิโลกรัมเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพในการขับขี่ของ TMAX เป็นอย่างมาก อย่างระบบ Yamaha Chip Controlled Throttle (YCC-T), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน และโหมดการส่งกำลังเครื่องยนต์ที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมในการขับขี่


     
กำเนิด XMAX!
 
 
16
 

     อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า ต้นกำเนิดของ MAX Series นั้นก็คือ Majesty ที่เป็นรถสปอร์ตสกู๊ตเตอร์ขนาด 250cc นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 1995 จนหยุดการขายปี 2002 หลังจากนั้นในปี 2006 XMAX ก็ได้รับการเปิดตัวในฐานะสปอร์ตสกู๊ตเตอร์ 250cc เพื่อทดแทน Majesty รุ่นเดิมนั่นเอง ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์พิกัด 250cc ของ XMAX รุ่นแรกนั้น จะมีพื้นฐานที่มาจากรุ่น Majesty แต่ก็ได้รับการออกแบบใหม่และนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้รับการพิสูจน์มาอย่างยาวนานจากรุ่นพี่ TMAX และได้มีการออกแบบแชสซีรวมไปถึงรูปโฉมภายนอกของ XMAX ที่แตกต่างไปจากรุ่น Majesty อย่างสิ้นเชิง จากการเน้นความสะดวกสบาย ได้เปลี่ยนไปเป็นความสนุกในแบบฉบับสปอร์ตที่มากขึ้น โดยเน้นให้มีการขับขี่ที่คล่องตัวพอๆ กันทั้งการใช้งานในเมืองหรือนอกเมืองที่มีถนนคดเคี้ยว และด้วยแนวคิดตรงนี้ ทำให้การออกแบบของ XMAX จะมีแฟริ่งด้านหน้าที่เพรียวบางมากยิ่งขึ้น และมีการเดินเส้นสายที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น เพื่อเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงกับ DNA ของ TMAX นั่นเอง

     นับตั้งแต่นั้นมา XMAX ก็ได้ผ่านการปรับโฉมใหม่มาเรื่อยๆ ตลอดทั้ง 3 เจเนอเรชั่น และมีความจุ cc ให้เลือกอย่างหลากหลายคือ 125cc, 250cc, 300cc (รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย) และ 400cc


17
 

     ต่อมาในปี 2017 นับเป็นเวลา 11 ปีหลังจากที่ XMAX รุ่นแรกได้ทำการเปิดตัว All New XMAX โฉมใหม่ในเจเนอเรชั่นที่ 4 ก็ได้ทำการเปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ขนาด 250cc และ 300cc ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยมีการนำเสนอเทคโนโลยีแบบ “ BLUE CORE” (ที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดีในตอนนี้) ของทาง Yamaha โดยจะมีจุดเด่นก็คือ กระบอกสูบอะลูมิเนียม DiASil เพื่อลดการสูญเสียทางกลไกของเครื่องยนต์ เมื่อใช้งานร่วมกับระบบ CVT ที่ปรับแต่งมาสำหรับเครื่องยนต์เหล่านี้โดยเฉพาะ ทำให้มีการส่งกำลังที่ดีเยี่ยม และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำ และตัวเฟรมรถยังได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นตรงนี้ ทำให้ XMAX โฉมใหม่ มีน้ำหนักที่เบา คล่องตัว และให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ ระบบกันสะเทือนหน้าที่มีคุณภาพสูงทำให้การข้บขี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สปอร์ตมากขึ้น โดยเลือกใช้การตั้งค่าแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง TMAX นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Traction Control ควบคุมการยึดเกาะถนน และระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก ที่ให้มาเป็นมาตรฐาน

 
18

     และในปี 2015 MAX Series ที่มีพิกัดเครื่องยนต์เล็กที่สุดในตระกูลก็ถือกำเนิดออกมา โดยมีชื่อว่า NMAX ที่ได้รับการพัฒนาอย่างตั้งใจ เพื่อทำตลาดทั่วโลก โดยจะมีรุ่น 125cc และ 155cc เป็นตัวเลือก ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองความจุนั้น ได้มีการใส่สุดยอดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้าไปอย่างมากมายจากทาง Yamaha เพื่อให้ได้สมดุลที่ดีที่สุดระหว่างสมรรถนะในการขับขี่ และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ภายใต้ชื่อ “BLUE CORE” (ก่อนจะถูกพัฒนาเพื่อนำไปใช้กับ All New XMAX ในปี 2017 ที่มี cc ใหญ่ขึ้น)


 
19

     นอกจากนั้นแล้ว NMAX ยังได้มีการติดตั้งระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่จะมีเพลาลูกเบี้ยวอยู่ 2 แบบ โดยในรอบความเร็วต่ำจะทำการสร้างแรงบิด และรอบความเร็วสูงจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งความเร็ว ส่งผลให้ NMAX นั้นมีอัตราเร่งที่ตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม ราบรื่น ในทุกๆ ย่านความเร็ว แบบเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่มีการสังเกตเห็นด้วยซ้ำเมื่อมีการเปลี่ยนการทำงานของเพลาลูกเบี้ยว โดยระบบ VVA นี้ก็ได้ถูกส่งต่อไปยังรถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ ของทาง Yamaha หลังจากนั้นอีกด้วย

 
20

     ในขณะที่ตัวแชสซีของ NMAX นั้น ได้ถูกพัฒนามาเพื่อสอดคล้องกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ โดยทางวิศวกรของ Yamaha ได้คิดค้นการออกแบบโครงสร้างให้มีท่ออะลูมิเนียมสองท่อ ด้านซ้ายและขวา เพื่อเชื่อมต่อกับท่อในส่วนหัว ทำให้ได้ความแข็งแกร่งที่เหมาะสมที่สุดกับอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจากเครื่องยนต์ BLUE CORE และระบบ VVA นั่นเอง


21
 

     ส่วนทางด้านงานออกแบบภายนอกของ NMAX นั้น ก็ยังเชื่อมโยงเข้ากับตระกูล MAX Series อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลวดลายแบบบูมเมอแรง ไฟหน้าแบบคู่อันโดดเด่น และรูปทรงที่มีความสปอร์ตปราดเปรียว อย่างไรก็ตาม ทั้ง XMAX และ NMAX นั้น ไม่ได้เป็นเพียงการนำเอา TMAX มาย่อส่วนลงเท่านั้น แต่มันได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ทั้งทางด้านมิติตัวรถ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคนที่ต้องการมากที่สุด นอกจากนี้แล้ว NMAX โฉมใหม่ล่าสุด ยังมีการเสริมระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพอย่าง ระบบ Traction Control ระบบ ABS ระบบการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ฯลฯ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในท้องตลาดทุกวันนี้


     

วันนี้ MAX DNA กันทุกที่!

 
22

 
     จากคุณค่าอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ถูกสร้างขึ้นโดย TMAX เป็นก้าวสำคัญให้เกิดการพัฒนาเป็นซีรีส์อย่าง XMAX และ NMAX ที่เราสามารถเรียกทั้งหมดนี้ได้ว่า มันคือรถสปอร์ตออโตเมติก ที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและความสนุกสนานในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง

     ซึ่งก็นับว่าเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษแล้ว หลังจากที่ TMAX รุ่นแรกนั้นก่อกำเนิดมา และในทุกวันนี้ทาง Yamaha เองก็ยังคงยึดมั่นที่จะรับฟังความคิดเห็นและมุมมองของกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถ MAX Series ทั้งหลาย รวมถึงนักขี่ทดสอบสมรรถนะในแต่ละรุ่น เพื่อที่จะสามารถมองถึงอุดมคติ ความต้องการ ของรถในตระกูล MAX คันต่อไปได้ ว่าจะถูกพัฒนาไปในทิศทางไหน และสามารถนำเสนอให้กับลูกค้าได้อย่างมั่นใจที่สุด


23
 
 

     ว่าแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ ว่า ในอนาคตหลังจากนี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นกับ MAX Series กันบ้าง!!!


     
อย่าลืมแอดไลน์ยามาฮ่า @yamahasociety มาเป็นชาวแก๊งเดียวกัน ไม่พลาดทุกเทรนด์ของไบเกอร์ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย!