Blog-Tamroy-EP04-800x420
Lifestyle

ตามรอยพ่อขี่มอไซค์ไป 38 โครงการหลวง : โครงการหลวงห้วยเสี้ยว โครงการหลวงทุ่งเริง โครงการหลวงทุ่งเรา โครงการหลวงปางดะ โครงการหลวงวัดจันทร์

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว
ถึงโครงการจะเล็ก แต่เบบี้ฮ่องเต้ น๊านนนน ... ใหญ่มาก!!
 

            การเดินทางในครั้งนี้ เราไปกันต่อที่ โครงการหลวงห้วยเสี้ยว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก โครงการหลวงแม่สะป๊อก มากนัก เราใช้ทางหลวงหมายเลข 1013 สันป่าตอง – แม่วาง แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกแม่วาง เข้าสู่ถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง – หางดง ระยะทางประมาณ 40 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1269 หางดง - สะเมิง แล้วเดินทางต่อไปอีกประมาณ 7 กม. ก็ถึงที่หมาย ซึ่งเส้นทางนี้มีความลาดชันพอสมควร แต่ก็มีวิวสวยงามตลอดสองข้างทางคล้าย ๆ กับทุกเส้นทางเราผ่านมา และเมื่อมาถึง โครงการหลวงห้วยเสี้ยว ซึ่งเราใช้เวลาเดินทางไม่นานนักเพราะเป็นโครงการหลวงเล็ก ๆ ที่ส่งเสริมให้ปลูกเบบี้ฮ่องเตและผักสลัด พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ในไร่ของชาวบ้าน ทำให้พวกเราไม่มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม จึงได้แค่เดินชมโครงการบริเวณนั้นสักพัก
 
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง
ชมไร่ ชมสวน บุกป่า ฝ่าทิวไม้ ตะลุยถ้ำตั๊กแตน!!

 
                  จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยัง โครงการหลวงทุ่งเริง ที่ห่างจาก โครงการหลวงห้วยเสี้ยว แค่ 14 กม. ซึ่งเราก็ยังใช้เส้นทางอำเภอสะเมิงเหมือนเดิม แต่ถนนที่เข้าไปยัง โครงการหลวงทุ่งเริง นั้นมีสภาพค่อนข้างแคบและคดเคี้ยวลาดชัน ซึ่งถนนแบบนี้ถ้าเป็นคนที่ไม่ชำนาญพื้นที่หรือไม่ชำนาญเรื่องการขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็อาจจะลำบากหน่อย แต่สำหรับพวกเราแล้วนี่ถือเป็นทางที่ขี่สนุกเส้นหนึ่งเลยทีเดียว
                  โครงการหลวงทุ่งเริง เป็นอีกหนึ่งโครงการหลวงเล็ก ๆ เล็กขนาดที่เมื่อกี๊เราเห็นว่า โครงการหลวงห้วยเสี้ยว เล็กแล้ว พอเรามาเจอ โครงการหลวงทุ่งเริง นี่เรียกได้ว่าเป็นโครงการหลวงที่มีขนาดเล็กกว่าเสียอีก ซึ่งที่นี่มีการส่งเสริมให้ปลูกเบบี้ฮ่องเต้ ผักคะน้า อะโวคาโด และเสาวรส เราเดินดูแปลงทดสอบสาธิต  เดินดูชาวบ้านทำงานสักพักก็นึกได้ว่าที่นี่มี ถ้ำตั๊กแตน แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ติดๆกัน ซึ่งเราก็เคยได้ยินชื่อของถ้ำตั๊กแตนมานานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยไปสักที ยังไงครั้งนี้ก็ต้องไปให้ได้ แต่กว่าจะถึงก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน เพราะเส้นทางเข้าขั้นปราบเซียนอยู่ มันเหมือนกับว่าพวกเราวิ่งอยู่ในไร่ของชาวบ้าน ประมาณว่าผ่ากลางเข้าไปวิ่งอยู่ในไร่เขาทำนองนั้น ก็วิ่งกันฝุ่นตลบอยู่สักพักก็เริ่มคิดว่าพวกเราหลงทางกันหรือเปล่า เพราะยิ่งขี่เข้าไปทางก็ยิ่งทึบขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับไม่เคยมีรถผ่านเข้าไปเลย แต่สุดท้ายก็ไปถึงจนได้ จากนั้นก็เดินเข้าไปอีกประมาณ 200 – 300 เมตร
                  ถ้ำตั๊กแตน ถือว่าเป็นถ้ำที่ค่อนไปทางเก่าแล้ว ตัวถ้ำไม่ใหญ่มากเราเดินเข้าไปได้ไม่น่าเกิน 100 เมตร ก็ต้องพาเดินกลับออกมา เพราะรู้สึกข้างในจะทึบขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ค่อยมีอากาศหายใจ ทำให้อยู่กันได้สักพักก็ต้องกลับออกมากัน ซึ่งหากถ้าถ้ำตั๊กแตนได้รับการบูรณะและดูแลอีกสักครั้งหนึ่งก็น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าเข้ามาเที่ยวชมมากทีเดียว หลังจากที่เราได้เยี่ยมชม ถ้ำตั๊กแตน เสร็จพวกเราก็เดินทางต่อไปยัง สวนกุหลาบหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการหลวงทุ่งเริง และนอกจากจะมี สวนกุหลาบหลวง ให้เที่ยวชมแล้ว อาหารการกินของที่นี่ก็จัดว่าอร่อยจนลืมวางช้อนอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ก็มีซิกเนเจอร์อีก นั้นก็คือ ไอศกรีมอะโวคาโดและเสาวรส ที่นำผลผลิตภายในโครงการมาทำ รวมถึงของฝากที่ผลิตจากผลิตผลของโครงการอีกมากมาย
 
 
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรา
กุหลาบหนู ดอกเล็ก ๆ น่าร๊ากกกก ...
                   หลังเสร็จจาก โครงการหลวงทุ่งเริง พวกเราก็ไปต่อกันที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรา ชื่อจะใกล้ๆ กันนิดหนึ่ง อย่าสับสนกันล่ะ แล้วก็ไม่ใช่แค่ชื่อใกล้เคียงกันอย่างเดียว เพราะสถานที่ตั้งของทั้งสองโครงการก็ยังอยู่ใกล้กันด้วย แต่ถึงแม้ชื่อกับสถานที่ตั้งจะใกล้กัน แต่เส้นทางการเดินทางกลับต่างกันลิบลับ เพราะเส้นทางที่ไป โครงการหลวงทุ่งเรา นั้นเป็นทางขึ้นเขาชันมาก ขนาดที่ตอนขี่รถเราต้องถอนเกียร์กันถึงเกียร์ 1 เกียร์ 2 เลยทีเดียว เส้นทางที่เราใช้ก็ยังเป็นทางหลวงหมายเลข 1269 หางดง – สะเมิง โดยขับขึ้นไปอีกประมาณ 27 กม.
                   โครงการหลวงทุ่งเรา เป็นโครงการหลวงที่ส่งเสริมการเพาะปลูกดอกกุหลาบหนูซึ่งเป็นดอกกุหลาบเล็ก ๆ ดูแล้วเหมือนกับดอกกุหลาบจิ๋ว ดูน่ารักไปอีกแบบ พวกเราเดินเลยเข้าไปดูไร่กุหลาบ มีต้นกุหลาบปลูกไว้เยอะพอสมควร แต่เนื่องจากเพิ่งจะเก็บเกี่ยวกันไป เลยมีต้นกุหลาบที่มีกุหลาบขึ้นต้นให้เราดูแค่นิดเดียว เสียดายจังลองนึกภาพไร่กุหลาบที่มีกุหลาบขึ้นต้นอยู่เต็มไร่ไปหมดสิ มันจะสวยขนาดไหน จากนั้นเราก็มุดเข้าไปในแปลง ฟักซาโยเต้ หรือในชื่อไทยๆ ก็คือ ฟักแม้ว นั่นเอง โอ๊ย ... เห็นสดๆ จากต้นแบบนี้ เมนูฟักแม้วผัดน้ำมันหอยก็ลอยมาเลย ที่นี่เป็นโครงการหลวงที่ไม่ได้เน้นการท่องเที่ยวเป็นหลัก ดังนั้นเวลาขึ้นมาที่นี่ก็จะได้แค่มาดูดอกกุหลาบหนูแล้วก็เข้าไปเยี่ยมชมไร่ซาโย้เต้เท่านั้น
 
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางดะ
ปางดะ ใหญ่โต กว้างขวาง จะพักตรงไหนก็ได้
           หลังที่เราเดินทางออกจาก โครงการหลวงทุ่งเรา พวกเราก็ยังอยู่บนทางหลวงหมายเลข 1269 เหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ที่หมายใหม่ คือ โครงการหลวงปางดะ ซึ่งจะอยู่ใกล้ตัวอำเภอสะเมิงเข้าไปอีกโครงการหลวงปางดะ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการหลวงที่มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควรเลยทีเดียว มีจุดกางเต็นท์และจุดพักผ่อนหลายจุด ส่วนการเพาะปลูกที่นี่จะสนับสนุนให้ปลูกองุ่น มะเฟืองหวาน เราเห็นมะเฟืองหวานลูกเต่ง ๆ แล้วก็นึกอยากชิมขึ้นมาบ้าง ติดตรงผลมันยังเขียวอื๋ออยู่เลย งานนี้ก็เลยอดกันไปทั่วหน้า
 
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์
ผืนป่าที่ท่านทรงงาน พระอุโบสถใส่แว่น และอากาศดี๊ดีตลอดปี ที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา
          เมื่อเราเสร็จจากการเที่ยวชม โครงการหลวงปางดะ เสร็จแล้ว เราก็รีบเดินทางต่อไปที่ไฮไลท์ของวันนี้ นั่นคือ โครงการหลวงวัดจันทร์ จากทางหลวงหมายเลข 1269 แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1349 สะเมิง – วัดจันทร์ ระยะทางประมาณ 165 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 5032 ไปอีกประมาณ 1.6 กม.  เส้นทางนี้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ขับขี่สนุกและก็มีวิวสองข้างทางที่สวยมาก ๆ แต่ก็ดื่มด่ำกับความสวยงามมาได้แค่ระยะหนึ่ง เราก็มาถึงจุดที่เป็นทางวิบากฝุ่นลอยคลุ้งประหนึ่งหมอกจาง ๆ และควัน ซึ่งเราต้องเดินทางอยู่แบบนี้ถึง 20 – 30 กม. เลย
                   โครงการหลวงวัดจันทร์ ตั้งอยู่ที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา เป็นอำเภอที่มีอากาศดีตลอดทั้งปี ในหน้าหนาวจะหนาวจัดและมีหมอกมาก โดยในนี้จะมีที่พักหลัก ๆ อยู่ 2 แห่ง คือใน โครงการหลวงวัดจันทร์ กับใน ป่าสนวัดจันทร์ หรือ ออป. ซึ่งกว่าพวกเราจะมาถึงที่นี่ก็เย็นแล้ว ก็เลยตกลงกันว่าเราจะนอนกันใน โครงการหลวงวัดจันทร์ นี่แหล่ะ ซึ่งราคาที่พักก็ถูกมาก ๆ พวกเราเปิดห้องพัก 1 ห้อง ภายในห้องเป็นห้องแฝด นอนได้เป็นสิบคนเลย แต่ราคาห้องแค่ 800 บาท ถูกมากจริงใช่ไหมล่ะ
 
 
          เราตื่นมาในเช้าวันใหม่ที่หมอกลงเยอะพอสมควร แต่ยังไม่เยอะเท่าทุกปีที่เราเคยมา สำหรับการไปเยี่ยมชมไร่ทำให้เรารู้ว่าที่นี่ส่งเสริมการปลูกฟักทอง ผักสลัด เคพกูสเบอร์รี่ หรือในชื่อไทย ๆ คือ โทงเทงฝรั่ง เป็นต้น ต้องบอกเลยว่าผักของที่นี่สวยจริง ๆ พอดูแปลงเพาะปลูกเสร็จพวกเราก็เดินทางไปยัง ป่าสนวัดจันทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนส่วนมากจะมากางเต็นท์ จากนั้นก็เข้าไปที่อ่างเก็บน้ำที่อยู่ข้างๆ ป่าสนวัดจันทร์ ซึ่งในนั้นจะมีต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยมาทรงงานที่นี่และพวกเราก็ได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระองค์ปักอยู่บริเวณต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยหน่วยงานของวัดจันทร์เป็นผู้นำมาปักไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่าพื้นที่ตรงนี้คือพื้นที่ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสร็จมาทรงงาน อีกที่หนึ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของวัดจันทร์ ไม่ว่าแขกไปใครมาก็ต้องเข้าไปชมให้ได้นั้นก็คือ พระอุโบสถใส่แว่น ที่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองก็ต้องบอกว่า เหมือนคนใส่แว่นจริงๆ ด้วย กับอีกที่หนึ่งคือจุดชมวิววัดจันทร์ ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นหมู่บ้านวัดจันทร์ทั้งหมู่บ้าน ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ทำให้พวกเราเห็นความสวยงามของที่นี่ได้ชัดเจนขึ้นมากทีเดียว
 
          จากหลายๆ โครงการหลวงที่พวกเราเดินทางไป จะเห็นได้ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้นำเอาความรู้และความสามารถเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถือว่าโครงการหลวงเป็นอีกหนึ่งพระอัจฉริยะภาพ และพระเมตตาที่พระองค์มอบให้แก่พสกนิกรของพระองค์ทุกคน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนไทยหรือไม่ก็ตาม เพียงแค่อาศัยอยู่ผืนแผ่นดินนี้ทุกคนล้วนเป็นพสกนิกรของพระองค์ทั้งนั้น