นี่คือบทพิสูจน์ความแกร่ง การเป็นเจ้าถนนของ ยามาฮ่า Exciter 150 ใหม่ กับการเดินทางไกลเกินกว่า 1,200 กม. จาก สงขลา สู่ กัวลาลัมเปอร์ และกลับมาสงขลา
โดยล่องผ่านด่านสะเดาเชื่อมต่อจากทางหลวงหมายเลข 4 สู่ อาเซียนไฮเวย์หมายเลข 2 ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่าง จอร์จทาวน์ และคาเมรอน ไฮแลนด์ โดยในทริปประกอบด้วย 4 สื่อมวลชน และ 5 ผู้ใช้จริง ร่วมประสบการณ์สุดขีดกับสปอร์ตโมเพดเชื่อมสัมพันธ์กลุ่มผู้ใช้ไทย-มาเลเซีย
วันแรกของการเดินทาง เราเริ่มเคลื่อนขบวนฯ 9 ชีวิตจากโรงแรมในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ผ่านด่านข้ามแดนกันเรียบร้อย พร้อมแวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง (4.2 ลิตร) จุดหมายแรกอยู่ที่เกาะปีนัง เพื่อเข้าไปขี่ท่องจอร์จทาวน์ พร้อมพักทานอาหารกลางวัน ระยะทางที่ขี่กันมาตามถนนไฮเวย์เกือบสองร้อยโล ด้วยสภาพถนนที่ดีเยี่ยม
ทำให้เราต้องบิด Exciter 150 กันหมดปลอก น่าทึ่งที่แม้เป็นรถใหม่ยังไม่พ้นรันอินแต่ตอบสนองได้ดี ให้ความมั่นคงแม้เป็นมอเตอร์ไซค์คลาส 150 ขบวนฯ ผ่านปีนังในหลากหลายมุม นับเป็นข้อดีที่เดินทางด้วยพาหนะ 2 ล้อ อย่าง Exciter 150 ที่ให้ความคล่องตัวสุดๆ
ช่วงบ่ายจากปีนังอันร้อนระอุ หลังจากอิ่มหนำกับอาหารอร่อยในเมือง ขบวนฯ ออกเดินทางกันต่อ ไม่นาก็ข้ามสะพานแห่งใหม่ (E28) ไปอีกฝั่งซึ่งเป็นทางตรงยาวกว่า 30 กม. ช่วงนี้ค่อนข้างง่วงจริงๆ รถก็ขี่สบายพอให้หลับด้วย เราขี่ต่อบนถนนไฮเวย์ยาวๆ ท้องฟ้าที่ดูสดใส ไม่นานก็มีเมฆฝนและขบวนฯ ก็เจอกับฝนจนได้ โชคดีที่ไม่หนักมากนัก พอสลัดความง่วงหายไปได้ หนทางข้างหน้าเป็นที่ราบสูงคาเมรอน แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ขบวนฯ ไต่ผ่านโค้งอันท้าทายกว่า 70 กม.
ขึ้นมาจบจุดหมายวันแรกที่โรงแรม
Copthorne ด้วยระยะทางรวมกว่า 435 กม. นับว่าผ่านไปด้วยดีทั้งรถและผู้ร่วมทริป แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ 150 ซีซี 4 จังหวะ
SOHC สูบเดี่ยว 4 วาล์ว หัวฉีด ที่ใช้กระบอกสูบไดอะซิล ทน แกร่ง ประหยัด และระบายความร้อนได้ดีกว่ากระบอกสูบเหล็กทั่วไป พร้อมกระเดื่องกดวาล์วแบบ
Roller Rocker Arm ช่วยลดแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ ให้สมรรถนะเต็มกำลัง ช่วงหัวค่ำสมาชิกถือโอกาสดื่มด่ำกับความเย็นรอบที่พัก ก่อนพักผ่อนและเดินทางเข้ากรุงกัวลาลัมเปอร์ต่อในวันพรุ่งนี้
วันที่สอง โจทย์อันท้าทายเริ่มจากสายฝนที่กระหน่ำลงมาตลอดคืน โชคดีที่หยุดให้เราออกเดินทางกันต่อในช่วงเช้า แต่สภาพผิวถนนก็ยังเปียกชื้นอยู่ ทีมงานเลยให้ขบวนฯ แวะชมไร่ชาบนคาเมรอน พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติกันในช่วงครึ่งวันแรก จนใกล้เที่ยงแสงอาทิตย์ที่แผดเผาตั้งแต่ช่วงสายมาทำให้สภาพถนนแห้งสนิท ขบวนฯ แวะเติมน้ำมันพร้อมเตรียมลุยกันต่อในช่วงครึ่งวันหลัง ทีมสื่อมวลชนได้อนุญาตให้ฟรีรันลงจากคาเมรอน
นับเป็นความท้าทายที่สุดของทริปแล้ว เพราะต้องขี่ลงเขาผ่านโค้งซ้าย-ขวาเกือบตลอด และต้องคอยระวังรถใหญ่ที่สวนมาเป็นระยะ ช่วงนี้ผู้เขียนได้โอกาสลองสมรรถนะการทรงตัว การยึดเกาะ การเข้าโค้ง และเบรก เป็นระยะทางยาวกว่า 70 กม. เหมือนเช่นตอนขึ้น รู้สึกได้ว่ารถบังคับได้ดั่งใจ ไม่มีอาการให้กังวลแม้ผิวถนนจะแย่สักเพียงใด มีบ้างที่เลี่ยงหลุมไม่ทัน แต่ก็ยังเอารถอยู่ และจังหวะเร่งแซงช่วงที่เป็นเนินขึ้นโดนทอนกำลังไปพอสมควร แต่ก็สนุกไปกับการขี่ลงเขาได้จนจบลงมารอขบวนฯ Exciter ของกลุ่มผู้ใช้จริงลงมาสมทบ
วันสุดท้ายของการเดินทางทริป
ยามาฮ่า Exciter 150 Test Riding Experience สมาชิกพร้อมเดินทางกันอีกครั้ง ชุดที่พอแห้งหมาดๆ จากเตารีดในห้อง กับรองเท้าที่ยังชื้น ทำให้การขี่ไม่สบายเท่าไหร่ แต่ด้วยเส้นทางส่วนใหญ่วันนี้เป็นไฮเวย์ล้วนๆ ไม่มีแวะนอกจากเติมน้ำมันและพักกลางวัน แสงแดดที่แผดเผาตลอดวัน ช่วยทำให้ชุดและรองเท้าเริ่มแห้งสนิทได้เป็นอย่างดี โชคดีที่ไม่เจอฝนด้วย
สมรรถนะของ
Exciter 150 ในวันสุดท้ายยังให้ความมั่นใจเหมือนเช่นเคย และแปลกใจที่ความเร็วสูงสุดขยับขึ้นมาได้ถึง 127 กม./ชม. ในคันของผู้เขียนที่หนัก 80 กก. ขบวนฯ มาถึง Bukit Kayu Hitam ชายแดนมาเลเซีย-ไทย ราว 16.30 น. จัดว่าทำเวลากันดีมากๆ เราใช้เวลาไม่นานก็ข้ามกลับมาฝั่งแผ่นดินไทยกันโดยสวัสดิภาพ สรุปตัวเลขของยามาฮ่า Exciter 150 ใหม่ คันของผู้เขียนได้ดังนี้ ระยะทางรวมของวันอยู่ที่ 492.7 กม.
รวมระยะทางทั้งหมดของทริปนี้อยู่ที่ 1,234.5 กม. อัตราสิ้นเปลืองที่วันก่อนอยู่ที่ 37 กม./ล. ตกลงมาอยู่ที่ 35 กม./ล. จากการเร่งสุดเกือบตลอดทางของวัน นับเป็นความประทับใจที่สามารถเดินทางข้ามประเทศ ระยะทางไกลด้วยจักรยานยนต์คลาส 150 ซีซี ที่สามารถตอบสนองและให้ความไว้วางใจในการขี่ได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อมองราคาค่าตัวที่ 63,000 บาท ต้องยกให้
ยามาฮ่า Exciter 150 ใหม่ ที่นอกจากรูปทรงสวยเท่ตามสไตล์สปอร์ตโมเพดแล้ว ยังเป็นจักรยานยนต์ที่คุ้มค่าตอบโจทย์การใช้งานได้กว้างจริงๆ
