1
Lifestyle

บินเดี่ยวตะลุยเส้นทางเลาะเลียบแม่น้ำโขงร่วม 3,000 กม. ไปกับ Yamaha Exciter 150 2019 EP.5 The End

               

ผ่านมาสู่วันสุดท้ายสำหรับการเดินทางในทริปขี่มอไซค์ตะลุยเส้นทางเลาะเลียบแม่น้ำโขง กับรถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] 2019 ซึ่งจะว่าไปแล้ววันนี้เอง คงจะเป็นวันที่ผมรอคอยมากที่สุด เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ผมอยากจะมาเที่ยวแต่ก็ไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวสักที และที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่ผมจะพาไปเที่ยวในวันนี้ก็เป็นสถานที่ๆ มีเวลาให้เที่ยวโดยเฉพาะช่วงแล้งๆ แบบนี้เท่านั้นด้วยครับ ก็อย่างที่บอกไปสถานที่เที่ยวสวยๆ ไม่จำเป็นต้องเที่ยวแค่ช่วงหนาวหรือฝนเท่านั้นครับ สำหรับการเดินทางที่ผ่านมาเพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูย้อนหลังได้นะครับ



– วันแรกที่เดินทางออกจากเชียงใหม่มาพักที่ริมน้ำโขง เชียงคาน จังหวัดเลย (ติดตามการเดินทางใน EP.1)

– ตอนที่ 2 ก็เดินทางออกจากเชียงคานแล้วเริ่มเดินทางเลาะเลียบแม่น้ำโขงแวะเที่ยวจุดสวยๆ หลายจุด และมาจบที่จังหวัดหนองคาย (ติดตามการเดินทางใน EP.2)

– ตอนที่ 3 การเดินทางท่องเที่ยวชมหาดทรายที่ริมโขง ชมสะดือแม่น้ำโขงที่ลึกถึง 200 เมตร และมาชมวิวยามเย็นที่สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 (ติดตามการเดินทางใน EP.3)

– ตอนที่ 4 เที่ยวบ้านลุงโฮจิมินห์ ชมวิวสวยๆ แปลกตาที่ ภูผาเทิบ แล้วไปพักริมน้ำสบายๆ ที่ แก่งคันสูง (ติดตามการเดินทางใน EP.4)

 
จากเมื่อคืนที่ผมได้ขี่มอไซค์ไปพักในแถบนอกเมืองใหญ่ โดยผมเลือกพักที่ “เคียงของรีสอร์ท” อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นที่พักติดริมน้ำโขง ทำให้มันได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบครับ หากมีโอกาสได้ขี่มอไซค์มาทางนี้อีกก็คิดว่าจะกลับมาพักอีกครับ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จในตอนเช้าๆ ก็ได้เวลาพาเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] ออกเดินทางต่อครับ ซึ่งเป้าหมายในการเดินทางของผมก็คือ “แก่งหินงาม (หาดชมดาว)” ซึ่งอยู่ที่ อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี ครับ


       2     

 

ผมเดินทางเลาะเลียบแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ เพราะเส้นทางจาก อำเภอชานุมาน ไปยังอำเภอนาตาล จะขี่มอไซค์เลาะไปตามแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ ครับ ซึ่งเป็นทางค่อนข้างตรงยาว ระยะทางราว 70 กิโลเมตร งานนี้บิดซัดกระจาย ยืนพื้นการเดินทางที่ 120 กม./ชม. ตลอดทางสบายๆ ครับ บางช่วงที่มีแยกผมก็แอบงงๆ หลงทิศบ้างครับ มือถือและ GPS ช่วยได้ในการเดินทางในครั้งนี้ครับ

 

3

 

สำหรับทางเข้าไปยัง “แก่งหินงาม (หาดชมดาว)” ตอนที่ผมไปยังเป็นทางดินนะครับ จะเป็นถนนลูกรังเข้าไปราว 2-3 กิโลเมตร ค่อยๆ ขี่กันหน่อยนะครับ หากไม่ค่อยชินกับถนนแบบนี้ เพราะมันจะมีก้อนหินเล็กๆ ที่ทำให้รถมอเตอร์ไซค์ลื่นและเสียอาการได้ง่าย หากล้มขึ้นมาไม่อยากจะบอกว่าทรมานมากที่ต้องได้มาแงะเศษหินออกจากแผลครับ

 

4


 

ก็อย่างที่ผมเคยเกริ่นบอกไปตั้งแต่ต้นๆ ว่าที่เที่ยวบางแห่งก็เหมาะที่จะมาเที่ยวในช่วงแล้ง คือในช่วงเดือนพฤศจิกายน - พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่น้ำแห้ง ถึงจะปรากฏเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มาให้เห็นแบบนี้ ซึ่งผมว่าหากเป็นช่วงร้อนน่าจะดีกว่า เพราะในช่วงปลายๆ ปีบางทีก็ยังมีฝนอยู่ น้ำเยอะอาจจะมาแล้วไม่เห็นขี่มอไซค์เสียเที่ยวก็ได้ครับ ซึ่งช่วงที่ผมไปเรียกได้ว่าน้ำแห้งแล้ว สามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าไปเที่ยวได้ครับ ก็เลยขี่มอไซค์ไปตามทางบนหินเข้าไปครับ


การขี่มอไซค์ลุยตามโขดหินมาอาจจะต้องใช้ทักษะพอสมควร เพราะมีทั้งหลุม บางจุดลื่น ช่วงล่างทำงานเต็มที่แน่นอน ผมขี่มอไซค์ลุยหินเข้ามาราวๆ 500 เมตร แต่ช่วงล่างของรถมอเตอร์ไซค์คงเหมือนใช้งานมาร่วมเดือนทีเดียว ดีที่เจ้า ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] 2019 มีความสูงใต้ท้องรถมอเตอร์ไซค์จึงสูงขึ้น เลยทำให้ขี่มอไซค์เข้ามาได้ไม่ยากเย็นนัก ถึงแม้ใต้ท้องรถอาจจะครูดพื้นบ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยมาก หากเป็นรุ่นเดิมอาจจะครูดแทบตลอดทางแล้วก็ได้ครับ

 

5

 
“แก่งหินงาม (หาดชมดาว)” เป็นสถานที่ที่มีหินเป็นเกาะแก่ง มีรูปทรงแปลกตางดงาม มีทั้งแอ่งหรือโบกขนาดน้อยใหญ่จำนวนมาก มีลานหินกว้าง ส่วนที่เว้าแหว่ง ส่วนช่องแคบและหน้าผาสูง นอกจากนี้ลักษณะเนื้อหินยังมีความเนียนมีลายเป็นริ้วๆ เพราะถูกเกลาด้วยสายน้ำโขงมาตลอดระยะเวลาหลายพันปี เป็นประติมากรรมธรรมชาติที่งดงามน่าอัศจรรย์ จนต้องบอกว่าคุ้มครับที่ได้ขี่มอไซค์ Yamaha Exciter 150 มาเที่ยวในทริปนี้ครับ

 

6

 

ลานหินกว้างมากๆ หากเดินเที่ยวผมว่าคงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงทีเดียวครับ หากใครมีโอกาสอยากให้ลองมาเที่ยวกันนะครับ


7

 
จากนั้นผมเองก็เดินทางต่อไปยังอีกหนึ่งจุดที่ผมเองตั้งใจว่าอยากมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้มาเที่ยวเลยก็คือ “สามพันโบก” บ้านสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งห่างจากแก่งหินงามราว 30 กิโลเมตรครับ แนะนำว่าหากใครมาเที่ยวก็หาที่พักในละแวกนี้แล้วกันนะครับ เพราะสามารถเที่ยวได้ทั้ง แก่งหินงามและสามพันโบก ได้ง่ายๆ เลยครับ

 8

 
การเดินทางเข้าไปยัง “สามพันโบก” สามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าไปถึงจุดพักและจุด รับ-ส่งนักท่องเที่ยวได้เลย ถนนก็ดีตลอดเส้นทางครับ

 9


 

ตอนแรกๆ ผมก็งงกับคำว่า “สามพันโบก” นะครับว่ามันคืออะไร ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลมาก็พบว่า คือแก่งหินที่โผล่ขึ้นมากลางลำน้ำโขงในช่วงที่น้ำลด โดยแก่งหินเหล่านี้ก็จะมีแอ่งน้อยใหญ่ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของแรงน้ำวน เมื่อนับดูแล้วมีจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง และคำว่า “แอ่ง” ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า “โบก” จึงเป็นที่มาของคำว่า “สามพันโบก” นั่นเอง ทำให้หลายคนขนานนามให้ที่นี่เป็น “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” เลยทีเดียว เรียกได้ว่าถึงบางอ้อเลยครับ

 
 10

 
หากจะลงไปเที่ยวที่ “สามพันโบก” จะบอกว่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ลงไปเที่ยวได้เลยครับ ทางค่อนข้างดีกว่าที่แก่งหินงามพอสมควร รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปหรือ Bigbike ก็ขี่เข้าไปได้ แต่อาจจะมีทรายบ้างบางจุด ซึ่งทรายอยู่บนพื้นลานหินบางช่วงจะลื่นต้องระมัดระวังกันด้วยครับ ซึ่งหากไม่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ลงไปก็มีรถรับ-ส่งไว้ให้บริการครับ ซึ่งก็หารๆ กับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ได้ครับ โดยรถรับ-ส่งนั่งกันได้ร่วม 10 คนเลยทีเดียว แชร์กันก็คนละไม่กี่สิบบาทครับ

 11

 

สำหรับที่ สามพันโบก เมื่อเข้าไปข้างในจะมีเรือไว้บริการท่องเที่ยวเลาะไปตามริมน้ำโขง และพาไปบางจุดของฝั่งลาวด้วยครับ ซึ่งผมก็สนใจอยู่แต่ติดที่เวลาเลยไม่มีโอกาสได้นั่งเรือไปเที่ยวครับ แน่นอนผมติดไว้ให้ตัวเองได้มาอีกครั้ง

12

 
หากได้มาเที่ยวแนะนำให้ใช้บริการไกด์เด็กๆ ให้พาเราไปเที่ยวดีกว่านะครับ เพราะจะมีหลายจุดมากๆ ที่ต้องให้คนที่รู้จุดพาไปชมครับ และที่สำคัญควรมีเวลาให้มากๆ เพื่อเที่ยวให้คุ้มครับ ซึ่งขนาดผมเดินเที่ยวร่วมชั่วโมงยังเดินไม่ทั่วเลยครับ ไว้คราวหน้าขอมาซ้ำที่นี่อีกรอบครับ

 13

 
ผมเที่ยวที่นี่จนถึงบ่ายๆ จนเกือบลืมไปว่าผมเองยังต้องขี่มอไซค์ไปที่สุดท้ายในทริปนี้นั่นก็คือ จุดชมแสงพระอาทิตย์ขึ้นแสงแรกในประเทศไทย “ผาชะนะได” ครับ ซึ่งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากที่ผมอยู่ราว 70-80 กิโลเมตรครับ สำหรับเส้นทางการเดินทางสองข้างทางก็ค่อนข้างร่มรื่นครับ หลายๆ จุดมีอุโมงค์ต้นไม้ทำให้ได้รู้สึกถึงความเย็นและใกล้ชิดธรรมชาติขึ้นมาบ้างครับ

 14

 

จากถนนหลักตัดเข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ถนนก็เริ่มแคบลง แต่ก็รู้สึกได้ว่าถนนเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติผาแต้มก็ค่อนข้างใหม่ น่าจะทำทางได้ไม่นานเท่าไรครับ ซึ่งจากทางหลักเข้าไปสู่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีระยะทางหลายสิบกิโลเหมือนกันครับ ซึ่งผมขี่มอไซค์ขึ้นเขามาจนเห็นป้ายที่เข้าไปยัง “ผาชะนะได” ซึ่งก็เหลือระยะทางอีกแค่ราวๆ 10 กว่ากิโลเมตรครับ แต่หลังจากตรงนี้ไปไม่มีถนนดีๆ แบบที่ผ่านมาอีกแล้วครับ จะเริ่มเป็นการขับขี่ที่เข้าสู่โหมดเอ็นดูโร่กันแล้วครับ จะขี่กันบนหิน แต่บางพื้นที่ก็จะมีการเทปูนเพื่อให้รถยนต์ขับไปได้ง่ายขึ้น งานนี้ผมต้องบอกครับว่ากับรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์นี้อย่าง ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] ถือว่าเป็นเส้นทางที่เอาเรื่องเหมือนกัน ช่วงล่างทำงานหนักหน่วงมากๆ ครับ


เมื่อขี่มอไซค์เข้ามาได้ราวๆ 3-4 กิโลเมตร จะเจอป้ายบอกว่าเหลืออีกราวๆ 10 กิโลเมตร จะถึง “ผาชะนะได” ทำเอาผมต้องมานั่งคิดคำนวณเวลาเข้าไป กับเวลาออกมาให้ดีๆ ครับ เพราะตอนนั้นก็ร่วมบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว เพราะหากออกมาช้ามืดซะก่อนโอกาสหลงน่าจะมีค่อนข้างสูงครับ และผมเองก็ไปคนเดียวด้วย หากรถเป็นอะไรขึ้นมาก็แย่แน่นอน แต่ด้วยความมั่นใจจากการขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยวป่าบ่อยๆ กับมั่นใจในเจ้า ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] คันนี้ ก็เลยเอาไงก็เอากันลุยต่อเพื่อไปให้ถึง “ผาชะนะได” ครับ

 15

 

ระหว่างทางก็จะมีจุดให้แวะเที่ยวหลายจุดอยู่เหมือนกัน ผมเองก็แวะพักบางจุด พักรถไปด้วยเพราะการเดินทางแบบกึ่งๆ เอ็นดูโร่แบบนี้รถมอเตอร์ไซค์ค่อนข้างจะทำงานหนักพอสมควรครับ


เมื่อใกล้ถึง “ผาชะนะได” ทางก็เริ่มจะเป็นหินมากยิ่งขึ้น ผมเชื่อเลยว่าการที่ผมขี่มอไซค์เข้ามาที่นี่แค่วันเดียว ช่วงล่างรถมอเตอร์ไซค์ผมเหมือนทำงานหนักมาหลายเดือนแน่นอนครับ เพราะจากเส้นทางที่ขับมาตลอดเล่นเอาหัวสั่นหัวคลอนตลอดทางเลยครับ แต่มันสุขที่สุดก็ตอนที่ผมสามารถขี่เจ้า ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] คันนี้มาจอดยังป้าย “ผาชะนะได” จุดชมแสงแรกของไทยนั่นแหละครับ

ซึ่งที่ “ผาชะนะได” จะเป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปรับลมบนที่สูง ปกคลุมด้วยป่าสนสองใบ ทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน มองเห็นประเทศเพื่อนบ้านเราได้อย่างชัดเจน ผมต้องบอกเลยว่าหากในหน้าหนาว วิวพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่คงสุดจะบรรยายจริงๆ ครับ หากมีโอกาสได้กลับมาเที่ยวอีก ที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งที่ๆ ผมจะมาชมแสงแรกของไทยที่ “ผาชะนะได” แห่งนี้ครับ

 16

 

มันเป็นอะไรที่คุ้มมากๆ สำหรับผมในทริปขี่มอไซค์ตะลุยเส้นทางเลาะเลียบแม่น้ำโขงกับรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] 2019 ในครั้งนี้ กับระยะทางในทริปนี้จนกลับถึงบ้านร่วม 3,000 กิโลเมตร มันทำให้ผมได้เดินทางในที่ๆ ผมไม่เคยไปที่ๆ ไม่เคยได้สัมผัสและไม่คิดว่าแต่ละที่จะสวยงามและน่าท่องเที่ยวได้มากมายขนาดนี้ครับ ขอขอบคุณทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่ร่วมสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ของผม และให้ใช้เจ้า ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] 2019 มาร่วมเดินทางแบบเร้าใจในครั้งนี้ครับ (ติดตามอ่านรีวิวการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 [New Yamaha Exciter 150] ได้ที่นี่ครับ) ครั้งต่อไปผมจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนอีก รอติดตามได้เลยครับ “VRthairider เพราะชีวิตคือการเดินทาง”    

หากสนใจมอเตอร์ไซต์รถมอเตอร์ไซต์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Exciter 155 (ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155) หรือสอบถามได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า ทุกสาขาทั่วประเทศ