ล่องใต้มาฆะบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นครศรีธรรมราชบ้านเรา 1800 โลกับ Yamaha Grand Filano Hybrid

         แห่ผ้าขึ้นธาตุ  หากพูดถึงชื่อเทศกาลนี้เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักเอาเป็นว่าแม้แต่ตัวกระผมเองก็ยังเพิ่งเคยได้ยินจนต้องพาตัวเองมาประสบพานพบแล้วก็ได้รับรู้ว่าบ้านเรามีเทศกาลที่มีศรัทธาแรงกล้าขนาดนี้ดำรงค์คงอยู่แบบที่เราไม่เคยรู้จักหรือเคยได้ยินมาก่อนด้วยหรือนี่ ว่าแล้วนักเดินทาง บ้าหอบฟาง สายชิลก็คงต้องออกเดินทางอีกสักครั้ง




 
        เตรียมตัว 
ม้าศึกในคราวนี้ของผม  ผมรู้จักเขาเป็นอย่างดีและรู้ว่าเค้าจุของได้มหาศาลขนาดไหนก็ต้องบอกว่า โดยรวม ๆ โดยที่ไม่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมในการบรรทุกของใด ๆ แทบจะไม่มีรถรุ่นไหนบรรทุกได้เท่านี้แล้วหล่ะ  เริ่มต้นที่ยัดลงกล่องเก็บของใต้เบาะขนาด 27 ลิตรก่อน   ลองดูว่าเหล่า Gadget ตกยุคของผมมันจะลงไปนอนได้ไหมนะ ก็พอได้แต่เอาไว้ข้างนอกดีกว่า เพราะในนี้อาจจะได้รับความร้อนจากเครื่องยนต์เอาเสื้อผ้ายัดใส่ไปแทน





         ส่วนเหล่า Gadget ตกยุคทั้งหลายของผมอยู่ซ่อนหลังกระบังลมตรงหว่างขาละกันนะ
เท่านี้ ผม + คนซ้อน + Gadget ตกยุค + เสื้อผ้าอาภรณ์หมอนเต้นท์ สำหรับทริป 6 วัน และม้าศึก Yamaha Grand Filano Hybrid ก็พร้อมออกเดินทางสู่แดนใต้เพื่อเปิดประสบการณ์แห่ผ้าขึ้นธาตุกันครับ



    Yamaha Grand Filano Hybrid กับเครื่องยนต์ Blue Core ขนาด 125cc  พาเราข้ามผ่านจังหวัดต่างๆ ไปเรื่อยๆ


 


เราใช้ความเร็วในการเดินทางประมาณ 90-105 กม/ชมช่วงที่รถเยอะๆ แต่ไหลๆ หน่อย Yamaha Grand Filano Hybrid ก็เกาะรถยนต์ไปด้วยความเร็ว100-105 กม/ชม





ยิ่งลงใต้มากเท่าไรรถก็เริ่มน้อยลงไม่มีลมส่งให้ดูดความเร็ว ความเร็วที่ใช้เดินทางด้วยพลังเครื่องยนต์ล้วนๆ คือ 90-95 กม/ชม





         สิ่งหนึ่งที่คันปาก อยากอวยมากเลยคือ เครื่องยนต์  ด้วยความที่คุ้นเคยกับ Yamaha Grand Filano ตัวเก่าและขี่มันมาก็มากพอได้ขี่ตัวใหม่ ( จริงๆ ก็ขี่บ่อย ) ยิ่งประทับใจและทึ่งว่าบนพื้นฐาน 125cc เท่าเดิม  แต่ Yamaha เติมกำลังเครื่องได้ให้แรงขึ้นจากเดิมในความรู้สึกของเราประมาณ 10% !!!!!!  ถือว่าเยอะอยู่นะ





          10% นี้คือยังงัย  ต้น ออกตัวรู้สึกเบาและพุ่งขึ้น อาจจะเป็นเพราะได้ระบบ Hybrid เล็กๆมาช่วยกลางก็มาเร็วขึ้นกำลังย่านปลายแรงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย  สำหรับตัวเก่าบรรทุกขนาดนี้ วิ่งได้แค่ 80-85 กม/ชม  ส่วนคันใหม่นี้วิ่งได้ถึง 90-95 กม/ชม เลย





         ดูหน้าตา Spec แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยังคงเป็นเครื่องยนต์สายหม้อลม รอบต่ำ ที่กล้าทำกำลังอัด 11:0 ต่อ 1 อยู่ค่ายเดียว   แต่ที่ดูจะเปลี่ยนไปคือ น้ำมันที่เคยรองรับถึง E85 ตอนนี้ระบุไว้ว่า E10 แต่ผมก็เติม E20 รถก็ทำงานได้ไม่มีปัญหานะ ยังไงก็ตาม คุ้มค่ามากกับกำลังที่ได้เพิ่มขึ้นมาแบบมีนัยยะจากของขาด กลายเป็นของพอดี 





รถเล็ก เดินทางไกล เติมน้ำมันบ่อยไหม ก็ทุก ๆ 160 กิโลเมตรกับการบิดหมดปลอกกับเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง กับถัง 4.4 ลิตร ถือเป็นระยะพักกำลังดี   แต่ถ้าขี่คนเดียว ไร้น้ำหนักเพิ่มเติมในการบรรทุก ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม/ชม  พิสัยทำการของเจ้า Yamaha Grand Filano Hybrid ก็จะเกิน 200 กม ต่อถังเลย  แต่ว่ากลัวอะไรกับการเติมน้ำมัน !!! ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์คันไหนในโลกที่เติมน้ำมันได้สะดวกและน่าภิรมย์กว่านี้อีกแล้ว แค่กดปุ่ม ฝาก็เปิด และเติมได้เลยไม่ต้องยกสัมภาระ หรือ กระเป๋าติดถังอะไรใดๆทั้งสิ้น





       สมาชิกบางท่านอาจจะถามว่า ทำไมถ่ายรูปรถสัมภาระหายไปไหน ขนออกสิครับมันเกะกะลูกหูลูกตา  แต่ไม่มีเวลาถ่ายสวยหรอก กด Shutter แล้วก็ออกเลยก็อากาศมันร้อนอะไรเบอร์นั้น!!!




     เช้าวันต่อมา รีบลุกจากที่นอนหมายจะยลอาทิตย์ฉายริมปากน้ำ นามว่า ปากนคร ที่อยู่ห่างจากตัวจังหวัดนครศรีฯ ไม่ไกลนัก แต่อนิจจามาสายโด่ง เอาเถอะ ก็ถ่ายรูปกันตามสภาพไปเรื่อยๆ





ณ สุดปลายคลอง ปากนคร  มีร้านน่านั่งแห่งหนึ่งที่เป็นทั้งร้านอาหาร

ร้านกาแฟ และจุดชมวิวชั้นยอดในเวลาเดียวกัน

นามว่า จุดพักนักปั่น





ผมจึงบอกลาบรรยากาศชิล ชิล ยามเช้าของ ปากนคร เพื่อเดินทางต่อ 





สู่แหลมตะลุมพุก   
ใกล้ตา แต่ไกลการเดินทางลองกด Map ดูภูมิประเทศและเส้นทางดู  จากริมปากนคร ที่มองเห็นแหลมตะลุมพุกอยู่ไม่น่าเกิน 7 กิโลเมตร  แต่พอเป็นการเดินทางบนบกระยะทางฟาดไป 70 กิโลเมตร ไกลเอาเรื่องวุ๊ยยย!!!!


          เมื่อบิดหูตูบมาถึงถนนเลียบชายทะเลสิ่งที่เจอคือ กังหันลมขนาดยักษ์เจ้าถิ่นบอกว่า เนี่ย!!! ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้วและที่นี่คือ ทุ่งกังหันปากพนัง  เอาเป็นว่าจังหวัดนครศรีฯเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะทะเล หรือ ภูเขา นั่นเป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบของนครสองธรรมหนึ่ง คือ ธรรมชาติ  สอง คือ ธรรมะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปชมกันครับ  






         ย้อนกลับเข้าเมือง เตรียมเที่ยวงาน "แห่ผ้าขึ้นธาตุ" ยามเย็นแต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง 
เราเลยมาจัด มุสลิมเบอร์เกอร์ กันสักนิด

ระหว่างที่ชาร์จพลังคน

ก็ต้องชาร์จพลังอุปกรณ์ไปด้วยพร้อมๆกัน

เพราะเดี๋ยวเรามี Mission ใหญ่ที่ต้องทำกันต่อไปยันดึก





งานมาฆะบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ 
         เป้าหมายของเราในวันนี้คือมาเที่ยวและถ่ายภาพงานแห่ผ้าขึ้นธาตุในยามเย็น ณ บริเวณที่จัดงาน มาฆะบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ ซึ่งก็คือ  วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นั่นเอง หรือเรียกสั้นๆ แบบคนนครก็คือ "วัดพระธาตุ" น่ะแหล่ะ

https://goo.gl/maps/raXWq3HTamA2

วันนี้ที่เรามาเป็นวันก่อนหน้าวันมาฆะบูชาหนึ่งวัน
วันพรุ่งนี้แหล่ะ จะเป็นวันจริง วันนี้มาสำรวจดูกันก่อน





เดินเข้าไปในบริเวณงาน
แม้จะยังไม่ถึงวันมาฆะบูชา
แต่ผู้คนก็เนืองแน่น
มาฆะบูชาที่นี่ ไม่เหมือนที่ไหน
ปกติที่อื่นๆ เท่าที่เคยประสบ
เค้าถือเทียนมาเวียนวัดกัน
แต่ที่นี่ทำไมเขาถือผ้ากันก็ไม่รู้

ก็หาคำตอบกันต่อ


ของกินยามเช้า  
        ยามเช้ารีบตื่นและจรลีออกจากที่พักแต่เช้ามุ่งหน้างานแห่ผ้าขึ้นธาตุ เพราะได้ข่าวว่าจะมีขบวนแห่ 8 โมงเช้าอากาศยามเช้าเย็นๆ พร้อมมีหมอกลง





พอเข้าไปในเมืองปรากฏว่ารถติดเป็นอย่างมาก

จนต้องพยายามลัดเลาะออกมาตั้งหลักที่หลังวัดพระธาตุก่อน





ลัดเลาะเข้าไปในซอย
เพื่อหาร้านกาแฟชาวบ้านเงียบๆ นั่งเติมพลังข้าวเช้าก่อน
ผมชื่นชอบวิถีชีวิตยามเช้า ณ ร้านกาแฟทั่วๆไปของเมืองใต้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เพราะที่นี่ เราจะได้เห็นวิถีชีวิตที่เนิบช้า น่าอิจฉาของชาวบ้านภาคใต้

อีกอย่างหนึ่งผมชอบรสชาติชาร้อนของภาคใต้มาก


ผ่าดงรถติด 
      เพราะแรงศรัทธาจากรอบทิศทำให้การจราจรรอบวัดพระธาตุเป็นอัมพาตเลยทีเดียว
พาหนะอย่างสองอย่างที่ทำหน้าที่เข้านอกออกในงานได้สะดวกที่สุดในเวลานี้คือ
มอเตอร์ไซค์ ทำไมน่ะหรอ เพราะจักรยานไม่กล้าเอาไปจอดน่ะสิ กลัวหาย






ด้วยแรงบิดต้นที่ดี มีขนาดเล็กและคล่องตัว
ผสานกับระบบ Start Stop System II 
คงต้องบอกว่ามันดีงามพระราม 9 สำหรับการพาตัวเองออกมาจาก
ความจลาจลของการจราจร





และนี่แหล่ะคือสิ่งที่รอ

ร้านโกปี้  ยังคงเป็นสุดยอดร้านน้ำชา ขาหมู หมั่นโถวในดวงใจ
ตลอดกาลของผมอยุ่เสมอ

https://goo.gl/maps/4q5jHcbhq2H2


บอกลาแต่มาสูดอากาศดี
นครศรี เมืองสองธรรม
ธรรมชาติทะเลก็เที่ยวแล้ว 
เหลือภูเขา จะขาดได้งัย

ดังนั้นก่อนบอกลาเมืองนครศรี
ขอสัมผัสขุนเขานครศรีสักเล็กน้อย



สถานที่นั้นคือ 
หมู่บ้านคีรีวง

https://goo.gl/maps/HS6QKGuWq832

สถานที่ที่ว่ากันว่า 
อากาศดีที่สุดในประเทศไทย
ณ ดินแดนที่มีขุนเขาอันสูงชัน
และสวนผลไม้ที่เป็นขุมทรัพย์ทางอาหาร
ที่นี่มีเรื่องราวของคนท้องถิ่น
ที่น่าค้นหา
ด้วยวิถีชีวิตที่ต้องขี่รถเข้าไปเก็บผลไม้
ตามไหล่เขาที่สูงชัน

Yamaha Serow 225 หรือฉายา "แพะภูเขา"
จึงเป็นรถที่ชาวบ้านที่นี่ ไว้วางใจใช้งานมากที่สุด
จนทำให้ที่นี่ กลายเป็นนครหลวงของแพะภูเขาไปโดยปริยาย

แต่สำหรับเจ้า Yamaha Grand Filano Hybrid
รถ automatic ที่แรงบิดในรอบต่ำมาดีกว่าใครเพื่อนในสเปคเดียวกัน
และด้วยความที่เป็นรถรอบต่ำคลัทช์จับตัวเร็วกว่าใคร
การขึ้นเขาชันๆ จริงทำได้ดีเกินสเปค
แต่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าอวย
รอบต่ำเขาทำได้ดี  ในรอบสูงเดินทางไกลก็ต้องสูญเสียไป
ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ต้องจ่ายไป
แต่สิ่งที่ทำได้คือ  หาจุดตรงกลางที่เหมาะสม
แล้วรีดพลังจากขุมพลังที่มีพื้นฐานง่ายๆ ไม่ต้องมีหม้อน้ำให้ซับซ้อน
บวกกับระบบ Hybrid แบบง่ายๆ 
ซึ่งวันนี้บนพื้นฐานการ Setup ของ Yamaha Grand Filano Hybrid 
สำหรับผม มันรีดกำลังได้ดีเกินที่คิดไปแล้ว
เรียกว่า ต้นพอมี กลางพอได้ ปลายพอมี
ไม่รู้สึกขาดนะ สำหรับผม




การพบต้องมีการจาก
ถึงเวลาแล้วที่ต้องเดินทางกลับ กทม. กันแล้ว 






ในท้ายที่สุด ก็ถึง กทม โดยสวัสดิภาพ
กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป
แต่ทริปนี้กลับเปลี่ยนแนวคิดที่มีกับการท่องเที่ยวที่ผ่านมาไปพอสมควร
ผมเป็นคนที่ขี่รถไปครบ 77 จังหวัดในไทยแล้ว 
แน่นอน ความตื่นตาตื่นใจ ที่เคยมีจากสมัยขี่รถใหม่ๆ มันหดหมายไปแทบจะไม่เหลือแล้ว

จากสมัยก่อนที่ถึงไหนถึงกัน เหนื่อยไม่ว่าขอให้ได้เห็น ขอให้ได้สัมผัส
แต่พอมาตอนนี้ ขอให้สบาย ขอให้ปลอดภัย ขอให้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ที่เปลี่ยนมุมมอง
และมีประโยชน์กับชีวิตจริงๆ  ไม่ต้องเก็บหมด ไม่ต้องเก็บทุกเม็ด

แง่มุมการเดินทางของผมจึงเปลี่ยนไป
เป็นไปในทางที่เดินทางเพื่อศึกษาเรียนรู้ชีวิต ความคิด ผู้คนเสียมากกว่า

และนั่นแหล่ะ ทำให้เรื่องราว วัฒนธรรม การใช้ชีวิตของผู้คนท้องถิ่น 
เป็นสิ่งที่อยู่ในสายตาและน่ามองสำหรับผม

และผม ก็ออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งใหม่
ด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปจากวัยหนุ่ม

วันนี้ ขอลาไปก่อน
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ