เมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการขี่มอไซค์ออกไปเที่ยว ออกไปสัมผัสกับกลิ่นไอหมอกและลมหนาว หลายๆ คนที่ไม่ได้มีโอกาสเดินทางไกลบ่อยนัก ก็ได้เดินทางไกลออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่แพลนไว้ทั้งปีก็ช่วงนี้นั่นเอง ซึ่งขนาดตัวผมเองมีโอกาสขี่รถมอไซค์เที่ยวแทบตลอดทั้งปี ยังตื่นเต้นทุกๆ ครั้งที่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวครับ โดยสถานที่ที่เราแพลนกันไว้ในทริปนี้ก็คือ การขี่ Yamaha Finn (ยามาฮ่า ฟินน์) ไปเที่ยวเชียงดาว เชียงใหม่ นั่นเอง
|
|
ผมมีโอกาสได้รับรถยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) จากทางยามาฮ่า เพื่อนำออกมาขี่มอไซค์เที่ยวยามหน้าหนาวแบบนี้ครับ ซึ่งคงต้องเกริ่นก่อนเลยว่าผมเองได้มีโอกาสขี่ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ไปท่องเที่ยวมามากมายหลายที่มาก ตั้งแต่ยอดดอยในเส้นทางสายแม่ฮ่องสอน หรือ ตะลุยไปอีสานเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งผมเองก็มีโอกาสได้ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ไปเที่ยวมาแล้วนับพันๆ กิโลครับ
|
|
ซึ่งจากการสำรวจของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่าในช่วงปี 2019 - 2020 เทรนด์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นักท่องเที่ยวยุคใหม่ 4.0 เริ่มท่องเที่ยวตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งผมเองสังเกตได้จากสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ จุดที่เคยดัง ไปกี่ครั้งคนเพียบ แต่ปีนี้กลับเงียบลงจนแทบไม่มีคน แต่นักท่องเที่ยวกลับแห่กันไปในจุดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักที่ๆ มีวิถีชีวิตและมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่มันคือการท่องเที่ยวที่ผมได้ทำมาแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เรียกได้ว่ามันกำลังเป็นกระแสฮิตกันในช่วงนี้ครับ
|
|
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเอารถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ไปท่องเที่ยวในทริปนี้กับเพื่อนๆ อีก 2 คน ร่วมเดินทางไปด้วยกันตามเทรนด์ Unique Travellers กับความฟินน์ที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องรู้สึกได้แค่จากการมองว่าสวย ว่าหรู ว่าอลังการ แต่บางครั้งความฟินน์ก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกครับ "อ.เชียงดาว" จ.เชียงใหม่ จึงเป็นสถานที่เที่ยวปลายทางของพวกเราในทริปนี้ครับ หากจะให้แค่ขี่รถมอไซค์เที่ยวไปตามเส้นทางปกติก็คงใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง และคงได้สัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวไม่กี่จุด ลองตามทริปนี้ของผมดูครับแล้วคุณอาจจะได้พบแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจไม่น้อย
พวกเราเลือกเดินทางในเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางปกติ ในวันแรกของการเดินทางไปยัง "เมืองคอง" ถ้าเดินทางด้วยเส้นทางปกติจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง จากจุดที่พวกเราอยู่ หากใครที่จะไปเที่ยวก็สามารถไปตามเส้นทางหลักได้เลยครับ แต่ทริปนี้พวกเราตั้งใจจะไปสัมผัสความฟินน์ในอีกรูปแบบหนึ่ง ความฟินน์ระหว่างทางที่บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นต้องสวยงาม แต่มันคือความฟินน์ที่เกิดขึ้นในใจของพวกเราเองครับ นั่นก็คือการแพ็คของใช้ต่างๆ ทั้ง สบู่, แชมพู, แปรงฟัน, ยาสีฟัน, อุปกรณ์การเรียน และของอีกหลายอย่างมัดติดกับรถจักรยานยนต์ Yamaha Finn เพื่อไปมอบให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล ระหว่างทางที่พวกเราเดินทางในอีกเส้นทางหนึ่งไปยัง "เมืองคอง" ครับ
|
|
การเดินทางช่วงแรกของทริปขี่มอไซค์เที่ยว เริ่มด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ราวๆ 100 กม./ชม. โดยออกจากเชียงใหม่ไปตามถนนหลวงหมายเลข 107 เส้นทางหลักที่หลายๆ คนจะไปเที่ยว "ปาย" นั่นเองครับ ซึ่งการเดินทางไป ปาย จะแยกไปตามถนนหลวงหมายเลข 1095 ถนนอีกเส้นหนึ่งที่ผมว่ามีเสน่ห์และน่าเที่ยวเช่นกันครับ แต่สำหรับการเดินทางไปยัง อ.เชียงดาว ต้องเดินทางไปตามถนนหลวงหมายเลข 107 ไปเรื่อยๆ ครับ เมื่อเลยแยกเขื่อนแม่งัดไปราวๆ 1-2 กิโลเมตร พวกเราก็จะเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเส้นทางที่จะไป "ปางช้างแม่ตะมาน"
|
|
เลี้ยวเข้ามาราวๆ 4-5 กิโลเมตร ก็ถึงจุดแวะจุดแรกของพวกเรา นั่นก็คือ "10 ชนเผ่าบ้านห้วยชมพู" ซึ่งจากถนนหลักเลี้ยวเข้าไปแค่ราวๆ 500 เมตร ก็ถึงครับ เป็นจุดแวะเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่สามารถแวะเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และสามารถพบเห็น ชาวกะเหรี่ยงคอยาว ได้โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงแม่ฮ่องสอน หรือต้องข้ามไปเที่ยวที่พม่าครับ
|
|
ไฮไลท์จะเป็นการรวมชาวบ้าน 10 ชนเผ่า มาอยู่ที่นี่เพื่อให้เราได้เข้าไปดูวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่า ซึ่งบางครั้งเราอาจจะได้เห็นการทอผ้า หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งดูแล้วก็เพลินดีเหมือนกันครับ
|
|
ผมได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวกันค่อนข้างมาก ซึ่งพวกเราก็อยากให้นักท่องเที่ยวไทยได้มีโอกาสมาเที่ยวกันบ้างครับ
|
|
สำหรับใครที่อยากได้ของฝากต่างๆ ก็สามารถเลือกซื้อที่นี่ได้เลยครับ มีทุกซุ้มของแต่ละชนเผ่าครับ ที่ทำให้ฟินน์และยิ้มได้ ก็คือความน่ารักของหนูน้อยกะเหรี่ยงคอยาวที่น่ารักสดใส เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาสัมผัสกับความน่ารักของเด็กๆ และวิถีชาวบ้านของที่นี่กันดูครับ เชื่อว่าคุณอาจจะหลงรักกับความสดใสของเด็กๆ และความสวยงามของวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่าได้ไม่ยาก
|
|
เริ่มเดินทางต่อด้วยการขี่ Yamaha Finn ผ่านเส้นทางธรรมชาติ ที่สามารถสูดอากาศได้เต็มปอด ซึ่งในช่วงสายๆ แบบนี้ยังสัมผัสได้ถึงความเย็นขนาดว่าในช่วงที่ผมไปเพิ่งเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวยังรู้สึกเย็นได้ขนาดนี้ หากเป็นช่วงหนาวจริงๆคงไม่ต้องพูดถึงครับ
พวกเราแวะพักเที่ยวอีกจุดหนึ่งก็คือ "ปางช้างแม่ตะมาน" บ้านกื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่นี่โอบล้อมด้วยธรรมชาติของทิวเขา สายน้ำ และวัฒนธรรมของชาวท้องถิ่นชนบท ที่มีระยะเวลาความเป็นมามากกว่า 10 ปี ที่ปางช้างเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมและทำกิจกรรมร่วมกับช้างไทย หากใครที่อยากมาสัมผัสกับช้าง การเลี้ยงช้าง ก็สามารถมาแวะที่นี่ได้ครับ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวแบบนี้เรียกได้ว่าอยู่ที่นี่ทั้งวันก็ยังได้ครับ
|
|
รับรองว่าคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึง ความน่ารักของช้าง และยังมีกิจกรรมมากมายให้ได้ชม ทั้งการแสดงช้าง นั่งช้างชมธรรมชาติ ล่องแพ และนั่งเกวียนดูธรรมชาติ ตลอดจนความเป็นอยู่ของผู้คนรอบปางช้างแม่ตะมาน ซึ่งระหว่างทางแถวนี้จะเห็นการนั่งช้างและการนั่งล้อเกวียนเที่ยวในหมู่บ้านได้ทั่วไปครับ
หลังจากนี้หากใครที่อยากจะไปเที่ยว เมืองคอง อ.เชียงดาว ก็ต้องย้อนออกไปเพื่อเดินทางต่อไปตามถนนหลวงหมายเลข 107 จะเป็นทางการเดินทางที่ง่ายและสะดวกที่สุด แต่ในทริปนี้ของพวกเราเลือกที่จะไม่ย้อนกลับ แต่จะเดินทางมุ่งหน้าต่อไป ด้วยศักยภาพของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) กับการเดินทางในเส้นทางนี้ พวกเรามั่นใจว่าเดินทางได้สบายๆ แน่นอน โดยเมื่อเลยจาก ปางช้างแม่ตะมาน ทางก็จะเริ่มแคบลงและเริ่มเข้าสู่การเดินทางบนเขามากขึ้น โดยละแวกนี้จะมีจุดล่องแก่งกึ๊ดให้บริการนักท่องเที่ยวหลายจุด ซึ่งหนาวๆ แบบนี้คงจะล่องแก่งไม่ไหวครับ
|
|
แต่ใครจะคิดว่าเส้นทางธรรมชาติท่ามกลางทิวเขาแบบนี้จะมีร้านให้ได้แวะพักชมวิวสวยๆ นั่งดื่มกาแฟ ฝากท้องมื้อหนักๆ ได้สบายอย่างร้าน Stay Wild & Café ก่อนที่จะเตรียมตัวเข้าสู่การเดินทางบนพื้นถนนที่มีสภาพเป็นดินกันครับ
Stay Wild & Café เป็นร้านที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา มีลำน้ำไหลผ่าน หากเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวล่องแพก็จะเห็นผ่านจุดนี้อยู่บ่อยๆ ครับ
กินข้าวเติมพลังกันให้เต็มอิ่ม แก้ง่วงด้วยกาแฟสด ที่น่าจะเป็นจุดสุดท้ายในวันนี้ของพวกเราที่จะมีโอกาสได้กินของกินดีๆ กันในวันนี้ครับ
|
|
อิ่มหนำกันเต็มที่ก่อนที่หนังตาจะหย่อน เรารีบออกเดินทางต่อ ซึ่งหลังจากนี้จะเริ่มเป็นการขับขี่ในแบบแอดเวนเจอร์ งานนี้เรียกได้ว่าผมเอาเจ้า Yamaha Finn (ยามาฮ่า ฟินน์) เข้ามาลุยตามแบบฉบับชาวบ้านทั่วๆ ไปแถวนี้ใช้กันเลย ถามว่าผิดประเภทไหม? ผมกล้าบอกเลยว่าชาวบ้านแถวนี้เขาก็ใช้รถจักรยานยนต์ครอบครัวแบบนี้เดินทางกันมาหลายสิบปี ซึ่งหากชาวบ้านใช้งานได้ ทำไม Yamaha Finn (ยามาฮ่า ฟินน์) จะไปไม่ได้ มันไม่ได้เป็นการใช้รถผิดประเภทแต่ชาวบ้านเขาจำเป็นต้องใช้ครับ และมันก็ใช้งานได้ดีซะด้วย
ขนาดว่าเข้าสู่หนาวบ้างแล้ว แต่ถนนที่ยังเป็นโคลนก็ยังพอมีให้เห็น หลุมบ่อมีให้ได้ลุยกันแน่นอน งานนี้ช่วงล่างของเจ้ายามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ต้องทำหน้าที่เป็นพระเอกครับ เพราะไม่ได้แข็งจนกระด้างและมีความนุ่มที่ช่วยซับแรงกระแทกทำให้พวกเราเดินทางได้สบายครับ
การเดินทางในเส้นทางแบบนี้หลายครั้งค่อนข้างใช้เวลานานกว่าปกติ บางทีเดินทางมาตั้งนาน เพิ่งผ่านมาไม่กี่กิโลก็มี ซึ่งพวกเราเดินทางมาได้สักพักใหญ่ๆ ก็มาถึงหมู่บ้านป่าข้าวหลาม ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ และคือจุดที่พวกเราตั้งใจนำของมาให้เด็กๆ ที่นี่เป็นที่แรกครับ
|
|
ความคลาสสิคก็คือการขี่รถข้ามสะพานลวดสลิง ที่มันจะสั่นๆ โยกๆ หน่อยๆ หากคนที่ไม่เคยขี่รถข้ามสะพานแบบนี้อาจจะรู้สึกเสียวๆอยู่บ้างเหมือนกันครับ
|
|
โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้ จะมีโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไลออนส์มหาจักร 9 ที่สอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล ไปจนถึงระดับประถม 6 ซึ่งนักเรียนก็เป็นนักเรียนในละแวกนี้ ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ อาศัยจากโซล่าเซลล์ช่วยผลิตไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งจากที่พวกผมเองเคยได้คลุกคลีกับการไปที่แบบนี้บ่อยๆ จะรู้ได้เลยว่าโซล่าเซลล์ที่มีเพียงพอแค่ระบบไฟแสงสว่างเท่านั้น อุปกรณ์อย่างอื่นอย่าคาดหวังมากเลยครับ แค่คิดก็รู้สึกแล้วว่าความเป็นอยู่นั้นไม่ได้สบายแบบพวกเราที่อยู่ในเมืองแน่นอน
|
|
หลังจากที่พวกเราแจกของให้กับน้องๆ เรียบร้อยแล้วความรู้สึกตอนนี้มันฟินน์และมีความสุขสุดๆ ซึ่งความรู้สึกมันแตกต่างจากการแค่ขี่รถมอไซค์เที่ยวสนุกๆ เพราะพวกเราไม่ได้มีความสุขจากการได้เห็นสิ่งที่สวยงามอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเรามีความสุขจากการที่ได้เห็นรอยยิ้มของน้องๆ ต้องบอกเลยว่าฟินน์จริงๆ ครับ
บ่ายแล้วสำหรับภารกิจในวันนี้ของพวกเรา ยังเหลือระยะทางอีกพอสมควรกว่าจะถึง เมืองคอง พวกเราจึงต้องรีบเดินทางต่อ บางทีก็ต้องร่วมทางไปกับเจ้าช้างตัวโตบนถนนแคบๆ หาโอกาสแบบนี้ไม่ได้ง่ายจริงๆ ครับ
|
|
การเดินทางในช่วงนี้เป็นเส้นทางที่มีต้นไม้ค่อนข้างทึบ ร่มรื่น ถนนบางช่วงเป็นหินลอย และขึ้นเขาค่อนข้างชัน ซึ่งเจ้ายามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ก็ต้องอาศัยการกระแทกคันเร่งเข้าสู้กับการไต่ขึ้นทางชัน ซึ่งก็สามารถลุยผ่านไปได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ
ในบางจุดที่อากาศชื้นมากๆ ถึงแม้จะหนาวแล้วแต่พื้นถนนก็ยังคงเปียก หลายๆ จุดก็เป็นดินหนังหมู ความลื่นในระดับการขี่รถผ่านตะไคร่น้ำ บางทีขี่มาช้าๆ ก็ยังมีแอบล้มได้โดยที่ไม่รู้ตัวก็มีครับ ซึ่งมีแต่เสียงหัวเราะ หากใครที่ชอบการเดินทางแบบนี้ก็จะพอรู้ดีว่าบางครั้งมันก็มีความสุขที่ได้ช่วยกันยกรถหรือเข็นรถบนเส้นทางที่คาดเดาไม่ได้แบบนี้ครับ
เดินทางมาอีกสักพักใหญ่ๆ จนเกือบเย็นพวกเราก็ออกจากเส้นทางในป่าแล้วมาถึงบ้านเมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ครับ การขี่รถมอไซค์เที่ยวผ่านท้องทุ่งนาสีทอง กับแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องลงมามันเป็นอะไรที่ฟินน์โครตครับ
|
|
เมืองคอง เป็นชุมชนเล็กนที่ถูกโอบอุ้มด้วยอ้อมกอดแห่งขุนเขา ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่สนใจเมื่อไม่นานมานี้ เราอาจจะหาข้อมูลของเมืองคองไม่ได้ตามข้อมูลการท่องเที่ยวจากหนังสือเก่าๆ แต่หากได้เข้าไปตามเว็บไซต์ หรือ แฟนเพจ ดังๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยวใหม่ๆ ก็มักจะได้เห็นการแนะนำการท่องเที่ยวที่เมืองคองแห่งนี้ครับ
|
|
"เมืองคองโฮมสเตย์" คือที่พักที่เราเลือกในครั้งนี้ครับ กับที่พักแบบโฮมสเตย์หลังใหญ่ ที่สามารถนอนได้เป็นครอบครัว โดยเสียค่าที่พักคนละ 350 บาท กับที่พักที่เป็นบ้านไม้ ด้านข้างและด้านหน้าติดกับทุ่งนา มันเป็นอะไรที่ดูแล้วสบายตา เดินลงไปถ่ายรูปกับทิวทุ่งมันเป็นอะไรที่ฟินน์จริงๆ ครับ
วันนี้ยังมีอะไรดีๆ ที่เราคิดว่าจะได้จากการออกเดินทางขี่มอไซค์เที่ยว เมืองคอง อีกมากครับ จะเป็นอะไรนั้น จะฟินน์แค่ไหน กดติดตามตอนหน้าที่นี่ครับ
กดเช็ครายละเอียดยามาฮ่า ฟินน์ ได้ที่นี่
|