ถ้าหากพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความโดดเด่นของขุมพลังแล้วล่ะก็ ยุคนี้ต้องขอยกให้กับตระกูล MT จาก Yamaha ไปเลยครับ และครั้งนี้ Boxzarazing ในคอลัมน์ ความรู้เรื่องรถ เราจะมาทำความรู้จักกับครอบครัวสายโหดอย่าง MT-Series ที่ได้รับการขนานนามสุดยอดความโหดของแรงบิดจนได้รับฉายาว่า "Master Of Torque" และเป็นที่ยอมรับของไบค์เกอร์ที่ได้สัมผัสมาแล้วว่า "กระชากวิญญาณของจริง"
|
|
เราจะมาเริ่มเปิดเรื่องราวกันที่น้องเล็กสุดในตระกูลกับ Yamaha MT-15 ที่มีการพัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Yamaha M-Slaz 150 เนคเก็ตไบค์รูปทรงสุดเฟี้ยว โดย Yamaha MT-15 ได้ทำการเปิดตัวในเมืองไทยเมื่อปี 2018 และตรงกับช่วงของการจัด MotoGP ครั้งแรกของเมืองไทยที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี Valentino Rossi และ Maverick Vinales นักแข่ง MotoGP ชื่อดังจาก Yamaha มาเป็นพรีเซนเตอร์ในการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่
|
|
ด้วยการดีไซน์ใหม่หมดโดยเฉพาะชุดไฟหน้ารูปแบบใหม่ที่คล้ายคลึงกับพี่ใหญ่อย่าง Yamaha MT-09 ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นโดยเฉพาะชุดไฟหน้า Mono Focus LED สุดล้ำยุคควบคู่กับชุดเรือนไมล์ Negative LCD รูปแบบใหม่ และชุดแฟริ่งดีไซน์ล่าสุดที่เปลือยชุดข้างเพื่อโชว์รายละเอียดของขุมพลัง 1 ลูกสูบ 155.09 ซีซี. พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA ให้พละกำลังสูงสุด 19.3 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสด 15 นิวตันเมตร ที่ 8,500 รอบต่อนาที ที่มีความจัดจ้านทุกย่านกำลัง ควบคู่กับทรวดทรงเบาะรูปแบบใหม่ Freestyle Riding Seat ที่ให้ผู้ขับขี่ควบคุมได้ดังใจสั่ง อย่างคล่องแคล่ว และมาพร้อมขุมพลังที่สั่งเมื่อไหร่มาเมื่อนั้น เรียกได้ว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์สำหรับวัยมันส์เลยทีเดียว
|
|
โดย Yamaha MT-15 คือร่างแยกที่ถอด DNA มาจากสายพันธ์ุสปอร์ตอย่าง Yamaha YZF-R15 ที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่โดดเด่นในเรื่องของการคอนโทรลที่ง่ายดายกว่ารถทรงสปอร์ตไบค์ด้วยชุดโช้คอัพหน้าแบบ Telescopic Up Side Down ที่ให้ความโดดเด่นในเรื่่องของช่วงล่างที่ได้ทั้งความสวยงามและสมรรถนะ พร้อมกับ Aluminium Swing Arm สวิงอาร์มวัสดุอะลูมิเนียมแบบไดแคส (Diecast) ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ร่วมกับโช้คหลังเดี่ยวแบบ Monocross เพิ่มสมรรถนะการทรงตัวที่ดี ประสานกับยางหลังขนาดใหญ่ Super Wide Tire ที่ให้อารมณ์ความล่ำบึกเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจด้วยหน้ายางที่สัมผัสพื้นถนนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควบคู่กับเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีความจัดจ้านตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการความคล่องตัว ขับขี่ง่าย และต้องขอบอกเลยว่ารูปทรงของ Yamaha MT-15 เรียกได้ว่าหล่อ เฟี้ยว เท่โดนใจวัยรุ่น กับคอนเซ็ปต์การออกแบบดีไซน์รถประจำตระกูล MT คือความกระทัดรัดใช้งานง่าย พร้อมกับความเร้าใจแบบขั้นสุดตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่
|
|
ต่อด้วย Yamaha MT-03 สมาชิกในพิกัดคลาส 300 ซีซี.ของตระกูล MT Series โดยเป็นร่างแยกของสปอร์ตไบค์ตัวจี๊ดอย่าง Yamaha YZF-R3 นั่นเองครับ โดย Yamaha MT-03 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2015 ที่ได้ถอด DNA จากความเป็นรถสปอร์ตมาเต็มๆทำให้ Yamaha MT-03 เป็น Street Naked Bike ที่ค่อนข้างจะมีความเฟี้ยวจัดในด้านของขุมพลัง ที่ไบค์เกอร์หลายๆท่านได้สัมผัสแล้วต่างมีความเห็นตรงกันว่าดึงทุกเกียร์เลยทีเดียวกับสเปคเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบ 321 ซีซี. โดยให้พละกำลังแรงม้าสูงสุด 42 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 29.6 นิวตันเมตร ที่ 9,000 รอบต่อนาที กับน้ำหนักตัวรถโดยรวมที่ 169 กิโลกรัม ก็ถือได้ว่าในพิกัด Naked Bike คลาส 300 นั้น เจ้า Yamaha MT-03 มีความจัดจ้านไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว
|
|
และในด้านของการขับขี่ Yamaha MT-03 ด้วยดีไซน์รถสุดโฉมเฉี่ยวกระทัดรัดที่มาในคอนเซ็ปต์ X-Movement ความโดดเด่นอย่างแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยคือความคล่องตัวในการขับขี่ ด้วยการออกแบบท่านั่งของตัวรถให้แฮนด์ไม่กว้างจนเกินไปทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตามสไตล์ของตระกูล MT Series คือความคล่องตัวและจัดจ้านของขุมพลัง ทำให้ Yamaha MT-03 คือรถมอเตอร์ไซค์ Street Naked Bike พิกัด 300 ซีซี. ที่มีให้ความเร้าใจ ขี่สนุก ไม่แพ้รุ่นใหญ่เลยก็ว่าได้ครับ
|
|
Yamaha FZ-09 2014
|
|
Yamaha FZ-09 2015
|
เราจะพาย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ทาง Yamaha ได้ทำการเปิดตัว Naked Bike ที่บอกได้เลยว่าในช่วงเวลานั้น เป็นรถที่มีรูปทรงฉีกแนวสุดเฟี้ยวสุดจนเป็นที่น่าสนใจของไบค์เกอร์ทั่วโลก และเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในเมืองไทยของตระกูล MT ในชื่อ Yamaha FZ-09 และทางโซนยุโรปนั้นจะใช้รหัสเป็น MT-09...โดยเจ้า Yamaha FZ-09 2014 โฉมแรกที่เริ่มนำเข้ามาจำหน่ายในศูนย์ Yamaha Riders Club นั้น จะมาในสเปคที่ดิบเถื่อนที่สุด เพราะระบบเทคโนโลยีที่ติดรถมาให้นั้น มีเพียงโหมดการขับขี่ 3 โหมดเท่านั้นคือ โหมด A ที่มีพละกำลังสูงสุด , โหมด STD ที่ให้พละกำลังปานกลาง และโหมด B ที่มีพละกำลังเบามือที่สุด โดยทั้ง 3 โหมดจะมีบทบาทเข้ามาแล้วแต่สถานการณ์ของผู้ใช้งาน แต่ในเรื่องของระบบเบรก ABS และ Traction Control ที่เป็นระบบพื้นฐานของรถ Bigbike พละกำลังสูง ยังไม่มีการติดตั้งมาให้ รวมไปถึงระบบกุญแจ Immobilizer ก็ยังไม่มีเช่นกัน เรียกได้ว่าไบค์เกอร์ท่านใดที่มีโอกาสได้สัมผัสกับเจ้า Yamaha FZ-09 โฉมแรกนั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ดิบสุด!
|
|
มาถึงน้องคนกลางอย่าง Yamaha MT-07 ไอ้หนุ่มพลังสูบคู่ Crossplane ที่มีทรวดทรงเพียวกระทัดรัด ขับขี่ง่าย แต่ยังคงเอกลักษณ์ความจัดจ้านของขุมพลัง Crossplane 2 ลูกสูบ ขนาด 689 ซีซี. มีแรงม้าสูงสุด 74.8 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 68 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที โดยแบกน้ำหนักของตัวรถทั้งหมดอยู่ที่ 182 กิโลกรัม เรียกได้ว่ามองจากสเปคแล้ว ด้วยตัวรถที่มีความกระทัดรัดบวกกับพละกำลังเครื่องยนต์ที่จัดจ้านพอสมควร ทำให้ Yamaha MT-07 เป็นรถที่ขี่สนุกไม่เบา พร้อมกับสุ้มเสียงของเครื่อง 2 ลูกสูบสุดทรงพลังที่ไม่มีใครเหมือน จนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเลยก็ว่าได้
|
|
|
ในส่วนของดีไซน์รถนั้น Yamaha MT-07 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 โดยมาในฐานะน้องเล็กของ Yamaha MT-09 ที่มีการใช้เครื่องยนต์ Crossplane 2 ลูกสูบอย่างที่กล่าวไปข้างต้น และทรวดทรงของ Yamaha MT-07 นั้น ตามคอนเซ็ปต์ของรถตระกูล MT Series แล้ว นั่นคือความกระทัดรัด ควบคุมง่ายด้วยความกว้างของแฮนด์ที่ไม่เทอะทะ รวมไปถึงมุมมองผ่านเรือนไมล์ของผู้ขับขี่ที่ดูโล่งเหมาะกับการใช้งานในเมือง...
|
|
และต่อมาในปี 2017 Yamaha MT-07 ได้มีการปรับโฉมอีกครั้งด้วยการเปลี่ยนไฟหน้าใหม่โดยใช้แพล็ตฟอร์มเดียวกันกับรุ่นพี่คลาสใกล้เคียงอย่าง Yamaha MT-09 โมเดล 2014-2016 และมีการดีไซน์ชุดแฟริ่งด้านข้างและด้านท้ายใหม่ให้ตัวรถมีความดุดันขึ้นมากขึ้นพร้อมเพิ่มฟิลความเท่สไตล์ MT ได้อย่างลงตัว ทำให้เจ้า Yamaha MT-07 ในโฉมปัจจุบันที่มาพร้อมเฉดสีใหม่กับโทนแดง-ขาวสุดเฟี้ยว...กลายเป็นหนึ่งในรถบิ๊กไบค์ตระกูล MT Series ที่หลายๆคนกำลังมองเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานแต่ละท่านก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
|
|
Yamaha MT-09 2017
|
กลับมาเรื่องราวของรหัส 09 อีกรอบ...ในช่วงปี 2015 Yamaha ได้ทำการเปลี่ยนใช้รหัสจากเดิมที่เป็น FZ ได้เปลี่ยนมาใช้เป็น MT อย่างเต็มตัว พร้อมกับปรับเปลี่ยนเฉดสีใหม่แต่ยังคงเป็นรูปทรงเดิม ตามด้วยเพิ่มการติดตั้งระบบเบรก ABS ไปจนถึงระบบกุญแจ Immobilizer เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอย่างเต็มตัวและเริ่มเป็นที่รู้จักของไบค์เกอร์เมืองไทยมากขึ้น...จนถึงปี 2017 Yamaha MT-09 ได้ทำการเปิดตัวโฉมใหม่อีกครั้ง โดยโฉม 2017 นี้ ได้รับการอัพเกรดในหลายๆส่วนเพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างโดนใจ ไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟหน้า LED ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ที่ให้ความสปอร์ตยิ่งขึ้น , ระบบ QuickShifter ติดตั้งมาให้จากโรงงาน รวมไปถึงระบบ Traction Control ที่สามารถปรับระดับได้ เรียกได้ว่า Yamaha ได้พัฒนาเจ้า Yamaha MT-09 จนหลายๆคนบอกว่าเป็นหนึ่งใน Naked Bike ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดบิ๊กไบค์เมืองไทยเลยก็ว่าได้ โดยการันตีจากยอดขายในโฉม 2017 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน
|
|
Yamaha MT-09 2017
|
|
Yamaha MT-09 2016
|
และในด้านของฟิลลิ่งการขับขี่ Yamaha MT-09 นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของพละกำลังสุดจัดจ้านของขุมพลัง CP3 หรือ Crossplane 3 ลูกสูบ ขนาด 847 ซีซี. ที่รีดแรงม้าได้สูงสุด 115 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 87.5 นิวตันเมตร ที่ 8,500 รอบต่อนาที โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 3 โหมดที่มีมาตั้งแต่โฉม 2014 เป็นตัวกำกับสำหรับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ของผู้ขับขี่ และอีกหนึ่งจุดเด่นของ Yamaha MT-09 คือน้ำหนักของตัวรถ ที่รวมของเหลวแล้วอยู่ที่ 191 กิโลกรัม ถือได้ว่าเป็นรถ Naked Bike พิกัด 900 ซีซี. ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดก็ว่าได้ ทำให้การขับขี่นั้นมีความคล่องตัวสูงมาก...เรียกได้ว่าถ้าใครที่ขี่จนชินมือแล้ว สามารถจับพลิกซ้าย พลิกขวาเป็นว่าเล่นเหมือนกับไม่ใช่บิ๊กไบค์เลยทีเดียว ควบคู่กับพละกำลังอันมหาศาลทำให้การขับขี่ Yamaha MT-09 เป็นรถ Naked Bike ที่ขี่สนุกทุกสถานการณ์ครับ
|
|
Yamaha MT-10
|
ต่อมาคือพี่ใหญ่สุดในตระกูลอย่าง Yamaha MT-10 ที่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2016 และวางจำหน่ายในเมืองไทยในปี 2017 เรียกได้ว่าเจ้า Yamaha MT-10 นั้นเป็นรถ Naked Bike ที่มีรูปทรงบ่งบอกถึงความทรงพลังอย่างแท้จริง ด้วยการดีไซน์ออกแบบสุดล้ำยุค รวมไปถึงเส้นสานรายละเอียดที่เหมือนหุ่นยนต์ จนไบค์เกอร์เมืองไทยหลายๆคนขนานนามว่าเป็น ทรานส์ฟอร์เมอร์ กันเลยทีเดียว
|
|
โดย Yamaha MT-10 นั้น ถูกสร้างขึ้นมาโดยอาศัยพื้นฐานจาก Yamaha YZF-R1 ไม่ว่าจะเป็นเฟรม ช่วงล่างไปจนถึงเครื่องยนต์ จึงทำให้ Yamaha MT-10 เป็นรถ Naked Bike ที่มีรูปร่างบึกบึนทรงพลังสุดๆ และจุดที่โดดเด่นของเจ้ายักษ์คันนี้คงจะไม่พ้นขุมพลัง Crossplane ที่เป็นบล็อคเครื่องยนต์จาก Yamaha YZF-R1S ซึ่ง Yamaha YZF-R1S นั่นก็คือ R1 สเปคพื้นฐานที่รองลงมาจาก Yamaha YZF-R1 ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปที่จะมีการใช้วัสดุพิเศษภายในเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะนั่นเองครับ แต่บล็อคเครื่องยนต์ของ R1S จะแตกต่างกันที่วัสดุภายในเครื่องยนต์ที่ใช้เหล็กเป็นส่วนใหญ่เหมือนเครื่องยนต์พื้นฐานปกติทั่วไป แต่เจ้า Yamaha YZF-R1S นั้นไม่มีวางจำหน่ายในไทยนะครับ หลายๆคนจึงไม่ค่อยคุ้นหูกันมากนัก... แต่ในส่วนนี้ก็ไม่อาจจะต้านทานความเร้าใจของการรีดพลังของเครื่องยนต์ Crossplane ไปได้ เพราะเจ้า Yamaha MT-10 สามารถรีดแรงม้าออกมาได้ถึง 160 ตัวที่ 11,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 111 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที และแบกน้ำหนักทั้งหมดรวมของเหลวอยู่ที่ 210 กิโลกรัม ซึ่งถือว่า Naked Bike คลาส 1,000 ซีซี.ที่มีพละกำลังขนาดนี้ บิดทีตัวแทบหลุดจากรถเลยทีเดียว
|
|
และในปี 2019 Yamaha MT-10 ได้มีการอัพเกรดขึ้นอีกระดับโดยภายนอกนั้นมีการปรับเฉดสีใหม่ให้เฟี้ยวจัดมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆที่ทำให้การขับขี่สนุกขึ้นตามสไตล์ของตระกูล Master Of Torqe และมาในคอนเซ็ปต์ Ray Of Darkness ทำให้ Yamaha MT-10 เริ่มเป็นที่รู้จักกับไบค์เกอร์มากขึ้น ด้วยฟีลลิ่งการขับขี่ที่ทุกคนลองแล้วต่างติดใจไปตามๆกัน กับความมันส์ของขุมพลัง CP4 หรือ Crossplane 4 ลูกสูบ และการคอนโทรลที่ขับขี่ง่ายไม่เทอะทะอย่างที่คิด พร้อมกับระบบเทคโนโลยีต่างๆที่ตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น โหมดสำหรับการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 3 โหมดตามสถานการณ์การใช้งาน ตามด้วย Traction Control สามารถปรับระดับการตอบสนองได้ และสิ่งที่เรียกได้ว่าใน Naked Bike หลายๆรุ่นแทบจะไม่มีการติดตั้งมาให้นั่นก็คือระบบ Cruise Control ที่สามารถล็อคความเร็วและสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่กดปุ่ม + และ - ที่ประกับควบคุมด้านซ้ายมือเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็น Naked Bike รุ่นใหญ่ที่พร้อมตอบโจทย์ให้กับทุกการใช้งานทั้งอยากซิ่งก็ได้อยากเที่ยวก็ดี งานนี้สาวก MT ถ้าอยากจบคบพี่ใหญ่คันนี้ได้เลยครับ
|
|
และนี่คือเรื่องราวของครอบครัวตัวแรงที่ทั้งโลกขนานนามว่าเป็นตระกูลรถที่มีขุมพลังความแรงจัดจ้านที่สุดในรถสัญชาติญี่ปุ่นกับ Yamaha MT-Series หรือสมญานาม Master Of Torque นั่นเองครับ สำหรับไบค์เกอร์ท่านใดที่กำลังมองหารถมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่สนุก เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีรวมไปถึงการใช้งานที่ตอบโจทย์ได้ในหลายๆไลฟ์สไตล์ และมีให้ตัวเลือกให้ตั้งแต่รุ่นเล็กขนาด 150 ซีซี. ไปจนถึงรุ่นใหญ่ในคลาส 1,000 ซีซี. ที่พร้อมส่งมอบความมันส์แบบขั้นสุดให้กับคุณได้ตามใจสั่ง
สามารถติดตามข่าวสารการอัพเดทของ Yamaha ได้ที่เว็บไซต์ www.yamaha-motor.co.th และ Facebook Fanpage : Yamaha Society Thailand
|