เที่ยวให้สุดแม็กซ์ EP.6/7 เที่ยววัดเรืองแสง พร้อมแวะเจดีย์แห่งแรกในไทย by VRthairider

youtube embed

หลังจากที่ออกมาจากสามพันโบกได้ไม่นานนัก ก็ต้องมาเจอกับฝนอย่างหนักจนคิดว่าเดินทางต่อน่าจะไม่สะดวกและอันตรายมาก เลยต้องแวะที่จุดแวะพักข้างทางเพื่อรอให้ฝนฟ้าลงแล้วค่อยเดินทางต่อ ซึ่งจากจุดนี้ไปยังช่องเม็กเหลืออีกแค่ประมาณ 50 กว่ากิโลเท่านั้น และเวลาก็เหลือค่อนข้างเยอะเลยไม่ค่อยซีเรียสเรื่องของการเดินทางสักเท่าไหร่

พอฝนเริ่มซาก็เริ่มเดินทางต่ออาจจะไม่ได้ใช้ความเร็วมากนักเพราะว่าถนนค่อนข้างที่จะเปียกและบางจุดก็ยังมีฝนปรอยบ้าง ขับขี่มาได้สักพักก็เข้ามาถึงเขตช่องเม็กพวกเรามุ่งตรงเข้าไปยังที่พักที่จองไว้คือ นอนเพลินอินน์ ซึ่งจะอยู่ติดกับด่านช่องเม็กเรียกได้ว่าหากเราจะไปเที่ยวที่ด่านหรือข้ามไปยังประเทศลาวก็สามารถไปได้ง่ายๆเลย สำหรับที่พักที่นี่ราคาแค่ 700 บาทหากรวมอาหารเช้าก็จะเป็น 800 บาทถือว่าไม่แพงเลยครับ

คนพักข้างห้องของเราเอารถ Yamaha Tricity มาเที่ยวที่ช่องเม็กด้วยซึ่งผมไม่ค่อยเห็นนานมากแล้วที่เชียงใหม่ เป็นรถรุ่นหนึ่งที่ผมเคยอยากได้ครับแต่ไม่มีโอกาสได้ซื้อ เข้าไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวจะไปที่ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือ วัดเรืองแสง ซึ่งต้องย้อนออกไปไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หากใครมาเที่ยวอีสานหรือมาเที่ยวที่จังหวัดอุบลราชธานีควรจะแวะมาเที่ยวที่นี่สักครั้งครับ

สำหรับที่ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ใครจะมาเที่ยวตอนกลางวันก็สวยไปอีกแบบครับแต่จุดไฮไลท์จริงๆของที่นี่ก็คือควรที่จะมาเที่ยวตอนช่วงหัวค่ำหรือช่วงที่มืดๆเพราะว่าไฮไลท์ของที่นี่ก็คืออุโบสถที่เรืองแสงเวลาถ่ายรูปมาแล้วจะสวยแปลกตาไม่เหมือนที่อื่นในประเทศไทยครับ

ซึ่งการถ่ายรูปที่นี่ต้องเข้าใจหลักการของการถ่ายรูปด้วยครับ บางคนหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาแล้วถือถ่ายเฉยๆอาจจะไม่ได้เห็นมุมมองที่ช่างภาพหลายคนไทยถอดออกไปครับแต่หาบางคนที่ถ่ายรูปเป็นถึงแม้ใช้มือถือถ่ายก็อาจจะสามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้ดีเช่นกันครับ เพราะการถ่ายรูปที่วัดเรืองแสงอาจจะให้สวยต้องมีการเปิด Speed Shutter ให้นานสักหน่อยอาจจะ 10 วิ 20 วิหรือ 30 วิ ก็แล้วแต่มุมมองของคนถ่ายภาพแต่ละคน ซึ่งหากเราใช้มือถือถ่ายควรจะมีขาตั้งกล้องเพื่อยึดมือถือให้อยู่นิ่งๆแล้วตั้งมือถือถ่ายแบบโหมดโปรหรือโหมดไหนก็ได้ที่สามารถตั้งให้ Speed Shutter นานได้ถึง 10 วิ 20 วิหรือ 30 วินาทีได้ครับก็จะสามารถได้ภาพสวยๆเช่นกันครับ

เห็นมีนักท่องเที่ยวหลายคนถ่ายรูปด้วยการเปิดแฟลชซึ่งหลายคนพอถ่ายเสร็จก็จะบอกว่าทำไมไม่เห็นเรืองแสงเลย เพราะว่าการถ่ายภาพที่นี่ให้สวยไม่ควรใช้แฟลช ผมเลยทดสอบใช้มือถือถ่ายมาโดยไม่ได้มีขาตั้งกล้องก็จะได้มาแค่นี้เองครับ ซึ่งหากได้ขาตั้งกล้องก็น่าจะทำได้สวยกว่านี้อีกเยอะเลยครับ

จากนั้นผมก็ใช้กล้องถ่ายรูปที่พกไปพร้อมขาตั้งกล้องถ่ายโดยผมตั้ง Speed Shutter ไปที่ 30 วิ กดถ่ายแค่ครั้งแรกก็ได้แบบนี้เลยครับ แค่นี้ก็พอใจมากแล้วครับกับภาพที่ได้ซึ่งที่ว่าเรืองแสงก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่อยากให้เพื่อนๆได้มาลองเที่ยวกันแล้วมาเก็บภาพบรรยากาศที่นี่ครับ

หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ต้องไปหาอะไรทานก่อนที่จะกลับเข้าที่พัก กว่าจะออกจากที่วัดมาร้านขายข้าวหลายๆร้านก็ปิดกันแล้ว ยังมีที่พึ่งสุดท้ายครับก็คือร้าน หมูกะทะช่องเม็ก ก็ต้องอาศัยร้านนี้เป็นอาหารเย็นของเราในวันนี้ ซึ่งวันนี้ก็น่าจะเป็นการเหมาร้านเพราะว่านั่งกันอยู่กินแค่ 2 คนเอง

เช้ามาก็ไปทานอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ครับก็เป็นอาหารเบาๆกินง่ายๆเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางต่อ โดยในวันนี้ปลายทางของเราก็คือที่จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทางก็เกือบ 300 กิโลเมตรเหมือนกันครับวันนี้

เช้านี้เดินทางค่อนข้างไกลครับเราเดินทางมาเกือบ 200 กิโลเมตรก็เริ่มหิว โดยเส้นทางจะผ่านจังหวัดยโสธร ซึ่งของมีชื่ออย่างหนึ่งของจังหวัดนี้ก็คือ ไก่ย่าง บนถนนอำเภอคำเขื่อนแก้ว จะมีร้านไก่ย่างเชียงรายนับหลาย 10 ร้าน โดยร้านดังร้านหนึ่งก็คือร้าน นันทนาไก่ย่าง ก็เป็นจุดที่เราเลือกแวะทานข้าวเที่ยงกันครับ

อาหารร้านนี้ค่อนข้างถูกปากเลยครับผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทาน ลาบอีสาน สักเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยจะถูกปากมากนักโดยเฉพาะเวลาทานที่มีขายที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ว่ามาทานที่ร้านนันทนาไก่ย่างผมต้องเปลี่ยนความคิดเลยทันทีครับ เพราะว่าลาบอีสานที่นี่รสชาติแตกต่างจากที่ผมทานที่เชียงใหม่มากครับเรียกได้ว่าอร่อยถูกปากเลยล่ะครับ

อิ่มท้องก็เดินทางต่อเหลืออีกประมาณ 100 กว่ากิโลเมตรก็จะถึงที่ร้อยเอ็ดซึ่งถนนเส้นนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าข้างทางจะมีร้านขายไก่ย่างเพียบเลยครับ

ออกมาได้ไม่นานกำลังเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดยโสธรฝนก็เริ่มลงเม็ด สักพักเท่านั้นแหละตกหนักเลยครับเรียกว่าวันนี้มีแววโดนฝนตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็นแน่นอน

เมื่อเดินทางมาถึงตัวจังหวัดร้อยเอ็ดเป้าหมายของเราในวันนี้ก็คือการเข้าไปที่ วัดประชาคมวนาราม แล้วไปต่อที่ หอโหวด 101 แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันหรือเปล่าเพราะวันนี้เจอฝนทำให้การขับขี่ทำได้ค่อนข้างช้าครับ

สำหรับ วัดประชาคมวนาราม ถือว่าเป็นวัดที่สวยสวย อีกทั้งมี เจดีย์หินทราย แห่งแรกของไทย อีกด้วย ด้วยฝนที่ยังตกอยู่และเวลาที่มีจำกัด จึงทำให้พวกเรานั่งรอฝนซาไม่ได้จำเป็นต้องเดินเข้าไปเที่ยวทั้งๆที่ยังมีฝนตกปรอยๆอยู่ครับ สำหรับภายในวัดต้องบอกเลยว่ามีหลายๆจุดที่น่าไปถ่ายรูปเก็บไว้นะครับไม่ว่าจะเป็นศาลากลางน้ำแต่จุดไฮไลท์ก็คือเจดีย์หินทรายแห่งแรกในประเทศไทยนี่แหละครับ

เมื่อเดินมาถึงเจดีย์หินทรายเราจะพบกับสถาปัตยกรรมที่งดงามครับโดยจะมีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกันเสมือนเป็นสวรรค์ทั้ง 7 ชั้นครับโดยมีการแกะสลักอย่างงดงามถ้าหากอยากเห็นประติมากรรมทั้งหมดให้เดินรอบพระเจดีย์ครับ โดยทราบมาว่าชั้นที่ 7 จะมียอดเจดีย์ทองคำ น้ำหนักถึง 101 บาท เลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่าเป็นน้ำหนักที่เท่ากับชื่อของจังหวัดก็คือจังหวัดร้อยเอ็ดนั่นเองครับ

จากที่แปลนไว้ว่าจะไปที่หอโหวด 101 ในเย็นนี้ แต่ด้วยว่าวันนี้ฝนตกถึงแม้จะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่ควรจะมืดแต่ตอนนี้จากที่ฝนตกทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะมืด เลยคิดว่าหากเข้าไปที่หอโหวด 101 น่าจะไม่ค่อยเห็นวิวอะไรแล้ว ก็เลยจะเข้าไปที่พักก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้นไปที่หอโหวต 101 ครับ

สำหรับที่พักที่เราจองไว้ที่จังหวัดร้อยเอ็ดก็คือ โรงแรมเลอปาร์ค Le Park 23 ซึ่งอยู่ในบริเวณตัวเมืองร้อยเอ็ดครับเรียกได้ว่าขี่รถมาถึงที่โรงแรมก็ชุ่มฉ่ำไปทั้งตัวแล้วโดยพักที่นี่ถือว่ากว้างและก็ให้อารมณ์ความรู้สึกที่โมเดิร์นมาก พักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมเดินทางในวันพรุ่งนี้ต่อครับ