เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะมีความชอบส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไป เช่นผมเองนั้นก็ชอบในความเป็น Sport Racing แบบเต็มรูปแบบแต่พักหลังมานั้นเริ่มอิ่มตัวก็ได้ใช้รถแบบ Daily Use
ในวันนี้ผมเองจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับการแต่งรถมอเตอร์ไซค์เบื้องต้นกันว่ามีการแต่งรถมอเตอร์ไซค์แบบไหนบ้าง ควรจะแต่งอย่างไรให้เข้ากับการใช้งานของเพื่อน ๆ ในแต่ละแนวโดยโมเดลที่ผมจะนำมาเป็นตัวอย่างนั้นก็จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้เลยนอกจากรถจักรยานยนต์ Yamaha R-series ทั้ง Yamaha YZF-R15 และ Yamaha YZF-R3 เหตุผลที่ผมได้เลือกใช้ 2 โมเดลนี้เป็นตัวอย่างก็เพราะว่าผมเองนั้นก็ได้มีรถจักรยานยนต์ Yamaha YZF-R3 เป็นของตัวเองอยู่แล้วก็จะคุ้นเคยกับรถเป็นอย่างดี และเหล่าชาวแก๊งผมเองก็ได้ใช้รถจักรยานยนต์ Yamaha R-Series เป็นส่วนใหญ่
เพื่อน ๆ หลายคนเองอาจจะยังไม่ทราบกันดีว่าการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ที่เราเห็นทุก ๆ วันนั้นเรียกว่าอย่างไรกัน หลัก ๆ เลยก็จะมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
1. แต่งรถมอเตอร์ไซค์ Racing : แต่งเพื่อลงแข่งในสนามโดยเฉพาะ
2. แต่งรถมอเตอร์ไซค์ Daily Use : แต่งพอสวยงามและใช้ในชีวิตประจำวัน
3. แต่งรถมอเตอร์ไซค์ Show Event : แต่งเพื่อโชว์ความสวยงามแบบ 100%
|
Daily Use
|
การแต่งรถมอเตอร์ไซค์ สไตล์ Daily Use หรือเรียกอีกแบบที่เราคุ้นหูกันอย่าง Street Use ตามชื่อเลยนั่นก็คือรถจักรยานยนต์ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นเชื่อได้เลยว่าเพื่อน ๆ เองก็ต้องเริ่มแต่ง ๆ แบบ Daily Use กันเป็นอันดับแรก และค่อยก้าวกระโดดไปในทางอื่น ๆ ตามที่เราชอบซึ่งการแต่งรถมอเตอร์ไซค์แบบ Daily Use นี้เองก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากมายเลย
|
|
สิ่งแรกที่พอจะเปลี่ยนได้และสามารถขับขี่บนท้องถนนได้นั่นก็คือ “แฮนด์” และ “พักเท้า” 2 สิ่งนี้จะช่วยทำให้ Position หรือตำแหน่งการนั่งของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทำให้อารมณ์ของการขับขี่ดู Sport มากยิ่งขึ้นหลังจะก้มต่ำ การวางเท้าก็จะสูงขึ้น ตรงนี้จะทำให้ท่านั่งของเพื่อน ๆ หล่อเลยทีเดียว
|
|
“ระบบเบรก” สำหรับการขับขี่เพียงแค่ Daily Use นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเต็มระบบไปถึงคาลิปเปอร์หรือจาน สิ่งที่จะแนะนำในการขับขี่ในแบบ Daily use นั้นก็จะเป็นพวก สายเบรก ปั๊มเบรก และก้านเบรก เพียงแค่ 3 สิ่งนี้จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของระบบเบรกได้อย่างชัดเจนจะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้มั่นใจในการเบรกในแต่ละครั้งเลยทีเดียว แนะนำให้เลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพมีประสิทธิภาพต่ำถึงกลางของแบรนด์นั้น จะช่วยในเรื่องของกำลังทรัพย์ได้ดี
เสริมเพิ่มเติม : การแนะนำข้างต้นนี้เป็นการแนะนำแบบเบื้องต้น เพื่อน ๆ อาจจะเสริมในเรื่องของท่อไอเสีย แต่ก็ไม่ควรเกินที่กฎหมายกำหนด ท้ายสั้นก็ควรที่จะติดตั้งได้ในจุดที่มองเห็น
|
Racing
|
หากคิดถึงรถจักรยานยนต์ Yamaha R-Series แน่นอนว่าต้องคิดถึงรถแข่งเป็นอันดับแรก ส่วนตัวผมเองนั้นก็เคยจับเจ้ารถจักรยานยนต์ Yamaha YZF-R3 ของผมลงแข่งอยู่บ่อยครั้งซึ่งค่ายใช้จ่ายนั้นค่อนข้างที่จะเยอะเลยทีเดียว แต่ในวันนี้ผมเองก็จะมาแนะนำการแต่งมอเตอร์ไซค์เพื่อนำไปใช้ลงสนามในแบบเบื้องต้น ซึ่งจะไม่เจาะรายละเอียดมากไปถึงการยกเครื่องยนต์ออกมาทำทั้งหมด
|
|
เริ่มแรกเลยการที่จะขับขี่ในสนามได้นั้น “ยาง” เป็นสิ่งที่สำคันที่สุดเพราะจะเป็นตัวที่จะช่วยให้ตัวรถยึดเกาะพื้น Track ได้เป็นอย่างดีชนิดยางที่จะแนะนำก็จะเป็นชนิด Slick เพราะเป็นชนิดยางที่ดีที่สุดที่ใช้สำหรับการแข่งขันบนพื้นสนามแห้ง
|
|
ระบบกันสั่นสะเทือนหรือ “Shock Ab” ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อมา เนื่องด้วยน้ำหนักของผู้ขับขี่มีไม่เท่ากับการยุบตัว แรงกด และการคืนกลับหรือ Rebound เพราะมันจะส่งผลต่อการเข้าโค้ง Highspeed โค้งต่อเนื่อง หรือเวลาที่เราได้ใช้เบรกหนัก จะช่วยให้เราขับขี่ในสนามได้อย่างคล่องตัวเลยทีเดียว การเลือกใช้ Shock Ab ที่จะใช้ขับขี่ในสนามนั้นก็ควรจะมีประสิทธิภาพที่สูง สามารถรับแรงกดหรือการยุบตัวของโช๊คได้เยอะ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันโช๊คที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายในสนามได้
|
|
ถัดมาระบบ “เบรก” ไม่ว่าจะเป็นก้านเบรก สายเบรก ปั๊มเบรก จานเบรก หรือว่าคาลิปเปอร์ ก็จะแนะนำให้ใช้ของแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพสูงเพราะการเบรกในสนามนั้นจะต้องใช้ประสิทธิภาพเกือบทั้งหมดของเบรก แทบจะ 90%-100% เลยก็ว่าได้ ไม่เช่นนั้นเองแรงดันน้ำมันเบรกอาจจะล้นออกมาจนทำให้เกิดอุบัติเหตในสนามด้วยเช่นกัน
|
|
“เกียร์โยง” “แฮนด์จับโช๊ค” ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เราจะเห็นได้ว่าทำไมนักแข่งบางคนนั้นสามารถเทโค้งได้องศาที่เยอะมาก ก็เป็นเพราะว่าตำแหน่งเกียร์นั้นอยู่สูงกว่าของเดิมที่ติดมาจึงทำให้ตัวรถนั้นเองสามารถนอนรถได้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนในเรื่องของแฮนด์จับโช๊คนั้นจะช่วยในเรื่องของการจับแฮนด์ทำให้ท่านั่งของเราดู Sport มากยิ่งขึ้น ทั้ง 2 สิ่งนี้ก็จะเปลี่ยนท่านั่งของเราไปอย่างสิ้นเชิงและจะช่วยในเรื่องของบาลานซ์อีกด้วย
|
|
“กันสะบัด” เป็นสิ่งสำคัญมา ๆ ในอุปกรณ์ที่ควรจะมีในการแข่งขัน จะช่วยลดในเรื่องของการสะบัด หรือการชกของแฮนด์ได้ดี(หรือที่เรียกอาการชกมวย) เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้อย่างกันสะบัดล็อคกระทันหันได้ง่าย ๆ
|
|
เสริมเข้าไปอีก 3 อย่างในเรื่องของ Performance ก็คือ กรองอากาศ(ทำให้การไหลของอากาศเข้าสู่ลิ้นปีกผีเสื้อได้ดีขึ้น) , กล่อง ECU(ปลอดล็อครอบ/ความเร็ว รวมไปถึงเพิ่มกำลังเครื่องยนต์) , ท่อแบบ Full System(ช่วยให้ไอเสียไหลออกได้ดีขึ้น เพิ่มแรงม้า) ทั้ง 3 สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยในเรื่องของขุมกำลังทำให้รถของเราวิ่งในสนามได้สนุกยิ่งขึ้นแล้วแต่เพื่อน ๆ จะเลือกใช้ตามใจชอบเลย
เสริมเพิ่มเติม : ถ้าหากว่าเพื่อน ๆ เองต้องการเพียงแค่ฝึกทักษะการขับขี่ในสนามสิ่งที่ได้แนะนำไปข้างต้นนี้ก็ยังพอช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ว่าถ้าหากเพื่อน ๆ เองอยากจะแต่งรถมอเตอร์ไซค์ถึงระดับที่ว่า Full Racing แล้วหละก็ ไฟหน้า-ไฟท้าย ต้องถอดเก็บไว้และ Fairing ก็ควรจะต้องมีสำรองไว้เช่นกัน หรือใส่แฟริ่งสำหรับแข่งขันไปเลยยิ่งดี เพราะมีน้ำหนักที่เบากว่า
|
Show Event
|
ก็ตามชื่อเลย การแต่งโชว์อีเว้นท์หรืองานโชว์รถต่าง ๆ ก็ต้องเน้นแบบเวอร์วังอลังการไว้ก่อนมีอะไรจับใส่ให้หมดแต่ก็ต้องดูความเหมาะสมในเรื่องของแต่งและสีรถด้วยว่าถ้าหากใส่เข้าไปแล้ว จะเข้ากันได้หรือไม่ผมเองก็มีรุ่นน้องอยู่คนหนึ่งที่จัดเต็มในเรื่องของแต่งรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยเห็นกันไปบ้างแล้วกับรถจักรยานยนต์ของน้องเน็ท Fabook : Tatiyarat Jindamongkol ยอมรับว่ารถของน้องเองจัดเต็มในเรื่องของแต่งจริง ๆ
การแต่งรถมอเตอร์ไซค์แบบ Show Event นั้นไม่มีอุปกรณ์หรือของแต่งที่ตายตัว ใส่ของตามใจชอบเน้นสวย โชว์ของ หากเป็นไปได้ของแต่งเป็นของแท้ 100% เลยยิ่งดี เพราะบางทีก็อาจจะมีขับขี่โชว์บ้างเล็กน้อยแล้วแต่เจ้าของรถ ประเภทที่เห็นได้หลัก ๆ ในการแต่งรถมอเตอร์ไซค์แบบโชว์นั้นก็จะมีการ ยืดอาร์ม/ล้อโต แผงคอของต้องแน่น
|
|
ลวดลายเฉดสีของตัวรถนั้นต้องจัดเต็ม ระบบไฟมาแบบเต็มรถบบอย่างเช่น ไฟโปรเจคเตอร์ ไฟท้ายแต่ง ชุดท้าย YZF-R1 เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เราก็จะเห็นได้กันทั่วไปในการแต่งโชว์
|
|
ข้อแนะนำ : การแต่งรถมอเตอร์ไซค์นั้นสามารถแต่งได้ตามใจชอบแต่ก็ต้องทำตามกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ด้วยเพราะการแต่งในแต่ละแบบนั้นย่อมมีข้อจำกัดของตัวมันเอง
|
|
เช่น Daily Use เองสีรถเองก็ต้องตรงกับเล่มรถของตัวรถ ท่อต้องไม่เกิน 95 เดซิเบล ป้ายทะเบียนต้องติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย
|
|
Racing ถ้าหากแต่งแบบ Full Racing แล้ว ก็ไม่สามารถนำมาขับขี่บนท้องถนนได้ ถ้าหากต้องการคืนสภาพรถก็ต้องใช้เงินค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวกว่าจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
|
|
การแต่งแบบ Show Event นั้นได้ความหล่อจริงแต่จะติดตรงที่ล้อโตจะถ่วงรถให้หนักและเวลาออกทริปกับเพื่อน ๆ ก็จะตามไม่ค่อยทันเพื่อนเท่าไหร่ และรถจักรยานยนต์ที่มีแก้มยางที่กว้างเกินกว่าล้อที่ตัวรถกำหนดนั้น แก้มยางที่เหลือจะไม่ได้ใช้งาน
เพื่อน ๆ ที่มีรถจักรยานยนต์ Yamaha R-Series ไม่ว่าจะเป็น YZF-R15 หรือ YZF-R3 แต่งแบบไหนกันบ้างก็สามารถมาแชร์การแต่งรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อน ๆ กันได้เลย หรือ สามรถเช็กข้อมูลของ Yamaha R-Series ได้ที่นี่
|