Unseen Trip จ.เชียงใหม่ @ดอยจูวา ม่อนต่าแฉะ กับ Yamaha MAX Series

สวัสดีครับเพื่อนๆ เมื่อต้นหนาวที่ผ่านมาผมและเพื่อนอีกสองสามคนได้วางแพลนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปเที่ยวกัน โดยตั้งเป้าว่าจะไปเก็บภาพหมอกและภาพบรรยากาศความหนาวมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งผมและเพื่อนๆ ต่างก็ใช้รถจักรยานยนต์ Yamaha Nmax และ Yamaha Xmax จึงขอเรียกทริปนี้ว่า “เที่ยวให้สุดแม็กซ์ไปกับ YAMAHA MAX SERIES” ก็แล้วกันครับ ซึ่งเนื่องด้วยสถานะการณ์โควิด-19 พวกเราจึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ๆ อาจจะมีนักท่องเที่ยวเยอะ และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงเอาไว้ก่อน

โดยพวกเราวางแผนหาที่เที่ยวค่อนข้างยากเพราะหลายสถานที่มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก และพวกเราได้เลือกเอา “ดอยจูวา ม่อนต่าแอะ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่” เป็นสถานที่แรกสำหรับทริปในครั้งนี้ครับ ซึ่งน่าจะเป็นทริป Unseen สำหรับพวกเราเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ออกทริปขี่รถเที่ยวเชียงใหม่ยังไม่เคยมีใครได้ไปที่นี่กันเลย และผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้เข้ามาชมพวกเราในตอนนี้ก็อาจจะยังไม่รู้จักเช่นกันครับ

เริ่มต้นทริปเที่ยวเชียงใหม่ในครั้งนี้ด้วยการที่พวกเรานัดเจอกันตอนสายๆ โดยในทริปนี้จะใช้รถจักรยานยนต์เดินทางไปด้วยกัน 3 คัน ได้แก่ Yamaha Xmax 1 คัน และ Yamaha Nmax 2 คัน โดยการเดินทางจะสตาร์ทออกจากเชียงใหม่ไปยัง อ.เชียงดาว และมุ่งหน้าไปยัง อ.เวียงแหง โดยมีระยะทางอยู่ที่ราวๆ 200 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าไม่ไกลมาก สามารถขี่รถจักรยานยนต์แวะเที่ยวชมตามทางไปได้เรื่อยๆ

ระหว่างทางพวกเราแวะทานข้าวที่ “พรเพ็ญขาหมูเสวย” อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งต้องบอกว่าร้านข้าวขาหมูเจ้านี้อยู่มานานมากๆ ใครมา อ.เชียงดาว ไม่ได้แวะกินนี่ถือว่าพลาดเลย ซึ่งเมื่อก่อนร้านจะอยู่ในตัว อ.เชียงดาว แต่ตอนนี้มาเปิดสาขา 2 อยู่บนถนนเส้นหลัก ทำให้สะดวกมากขึ้น

มองในภาพดูไม่รู้ว่าอร่อยไหม ถ้าอยากรู้ให้มา อ.เชียงดาว หรือถ้ามีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่แนะนำว่าต้องลองแวะทานกันครับ และที่นี่เองก็มีเพื่อนในกลุ่มอีกคนขี่รถจักรยานยนต์ Yamaha Nmax มาสบทบเดินทางร่วมกันอีกคัน

หลังจากกินเต็มอิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อ โดยเส้นทางที่ใช้วิ่งตามเส้นเลี่ยงเมือง ตามถนนหมายเลข 107 เมื่อออกจากตัว อ.เชียงดาว มาสักพักให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 1178

และเมื่อมาถึงแยกเข้า อ.เวียงแหง จะเป็นถนนหมายเลข 1322 ซึ่งถนนเส้นนี้มีโค้งค่อนข้างยอะ และบางช่วงต้องขึ้น-ลงเขา ทางค่อนข้างลาดชัน ทำให้ต้องขับขี่อย่างระมัดระวัง

ด้วยเส้นทางที่มีช่วงโค้งเยอะและค่อนข้างชัน หลายคนเคยขี่มาเส้นนี้แล้วเกิดอาการเวียนหัวกันเยอะ ในช่วงทางชันสำหรับรถจักรยานยนต์ Yamaha Xmax ถือว่ามีกำลังเหลือๆ ในการขี่ขึ้นทางชันอยู่แล้ว เนื่องจากเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ Yamaha Nmax ที่ให้มาเหลือเฟือเลยครับ สำหรับการขับขี่ในเส้นทางนี้

จุดแวะพักของพวกเราอีกจุดก็คือ “ประตูสู่อำเภอเวียงแหง” ซึ่งที่นี่มีร้านกาแฟ ไว้ต้อนรับและแวะพักรถสำหรับคนที่ต้องการเดินทางเข้าสู่เวียงแหงนั่นเอง

เห็นมีชิงช้าแบบของชาวดอยอยู่ ก็อดใจไม่ได้ที่ไปลองเล่น มีทั้งสำเร็จบ้าง ลงไปนั่งกองกับพื้นบ้างให้สนุกสนานครับ รวมถึงถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจเอาไว้ดูกันด้วยครับ

อากาศในช่วงบ่ายนี้ก็อยู่ราวๆ 10 กว่าองศา ซึ่งถือว่าเย็นใช้ได้เลย เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟไปพลาง ถ่ายรูปไปพลาง เพราะมีเพื่อนในกลุ่มอีกคนกำลังขี่รถจักรยานยนต์ Yamaha Grand Filano ตามมาสมทบอีกคัน

เมื่อมากันครบแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางไป อ.เวียงแหง กันต่อครับ

หลังจากขี่ออกมาได้สักพักพวกเราก็ได้เห็นร้านกาแฟอยู่ระหว่างทาง ซึ่งดูสไตล์การตกแต่งแล้วน่าสนใจ จนต้องแวะกันครับ ซึ่งร้านกาแฟนี้มีชื่อว่า “AKIPU Coffee” ไม่ใช่ร้านหรูนะครับ แต่ดูเป็นร้านที่มีสไตล์เรียบๆ ได้อารมณ์ชาวบ้านๆ ดูเก๋ไปอีกแบบดีครับ

ซึ่งจากการสอบถามทางร้าน ที่นี่ใช้กาแฟที่ปลูกเองของชาวบ้าน “บ้านเลาวู” ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านนี้นี่เองครับ และเมื่อพวกเราได้ถามถึงราคาเพราะในเมนูไม่ได้ระบุราคาเอาไว้ ก็ได้รับคำตอบที่น่าตกใจก็คือ “ราคาตามความพึงพอใจ” โอ้โห!!! ต้องบอกเลยว่าไม่เคยเจอการขายแบบนี้มาก่อนครับ

ก็เลยสั่งมากิน ต้องบอกเลยว่ารสชาติใช้ได้เลยล่ะครับ ใครผ่านมาทางนี้ก็อย่าลืมแวะไปชิมกันได้นะครับ

หลังจากจิบกาแฟ ชมวิวบรรยากาศระหว่างทางก็มาถึง อำเภอเวียงแหง ร่วม 4 โมงเย็นแล้ว ขี่รถชิลล์ๆ แวะเพลิน แล้วจึงเข้าไปดูสถานที่ๆ จะนอนกันคืนนี้ก่อน โดยเราได้ลองเดินทางไปที่ “ซี-หลง-ซัง หุบเขามังกรแดนตะวันตก” ก่อน เพราะเคยได้ยินมาว่าที่นี่สวย บรรยากาศดี ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วที่นี่ก็ห่างจากพม่าแค่ราวๆ 7 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

ซึ่งเส้นทางไปก็จะต้องลุยฝุ่นกันสักหน่อย และเมื่อขึ้นมาถึง ซี-หลง-ซัง แล้วก็ตกลงกันว่าไม่นอนที่นี่ จะไปนอนกันที่ ม่อนต่าแอะกันเพราะที่นั่นสูงกว่า โอกาสได้เจอทะเลหมอกน่าจะเยอะกว่าที่นี่

ก็เลยเดินทางต่อไปที่ ม่อนต่าแอะ ที่ตั้งอยู่ที่บ้านนามน ตำบลเมืองแหง โดยขี่จากจุดนี้ไปอีกราว 25 กิโลเมตร งานนี้เรียกได้เลยว่าต้องขี่รถเข้าป่าสมใจแล้วครับ เพราะเส้นทางไปจะลำบากกว่าเส้นทางไป ซี-หลง-ซัง พอสมควรเลย

เมื่อเริ่มเข้าสู่เส้นทางในภูเขา เรียกได้ว่าต้องใช้กำลังของเครื่องยนต์กันพอสมควรเลย บางช่วงเป็นทั้งทางดินที่ร่วนและชัน ซึ่งหากเป็นช่วงหน้าฝน คาดว่าน่าจะลำบากกันเลยทีเดียวครับ และตอนนี้ก็เริ่มเย็นมากแล้ว ต้องเร่งการเดินทางกันหน่อย เพราะไม่อยากมืดจนเกินไป

กว่าพวกเราจะขึ้นมาถึง ดอยจูวา ม่อนต่าแอะ ก็เล่นเอามืดกันเลยครับ ต้องกางเต็นท์กันท่ามกลางความมืดกันเลย เพราะข้างบนไม่มีไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ และมีแต่กลุ่มพวกเราที่มานอนที่นี่เท่านั้นครับ

เรียกได้ว่าเอาวิชาลูกเสือที่เรียนมาใช้กันเลยทีเดียว ทั้งก่อไฟ ทำอาหารกันท่ามกลางป่า ได้อารมณ์แคมป์ปิ้งมากๆ ครับ และด้วยอุณหภูมิในคืนนี้อยู่ประมาณ 10-12 องศา แถมมีลมพัดมาตลอดเวลา เล่นเอากองไฟที่เอาไว้ผิงเพื่อให้ร่างกายอุ่นเอาแทบไม่อยู่เหมือนกันครับ

ที่นี่ถือว่ามืดสนิท ก่อนนอนเห็นดาวบนฟ้าเหมือนอยู่ใกล้ๆ เลยขอถ่ายรูปไว้สักหน่อย อยากดูดาวให้สวย เขาบอกว่าให้ไปอยู่ที่บนดอยสูงๆ แล้วจะได้ชมดาวสวยๆ นี่คือเรื่องจริงเลยครับ

หลังจากนอนดูดาวจนผล็อยหลับไป ตื่นเช้าขึ้นมาสิ่งแรกที่คิดก่อนมุดออกจากเต็นท์ก็คือ “เราจะได้เห็นทะเลหมอกไหมนะ?” และเมื่อเปิดเต็นท์ออกมากับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าถึงกับต้องร้องว้าวววออกมากันเลย เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากกับการขี่รถจักรยานยนต์ตะลุยขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่กันในครั้งนี้ครับ

พวกเรานั่งชื่นชมทะเลหมอกอย่างดีใจ ใครมีมือถือ ใครมีกล้อง ไม่ยกขึ้นมาถ่ายนี่คือเรื่องแปลกเลย

และเมื่อพระอาทิตย์เริ่มเปล่งแสงออกมากระทบเมฆจนเป็นสีทอง มันยิ่งทำให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกเป็นกองจริงๆ ทะเลหมอกหนาๆ กระทบแสงสีทองสวยงามจริงๆ ครับ

พวกเราอยู่ที่นี่กันจนสายๆ รอชมทะเลหมอกกันจนเต็มอิ่มแล้วจึงเดินทางกลับ เพื่อเตรียมตัวคิดแพลนการเดินทางในทริปต่อไปกับ “เที่ยวให้สุดแม็กซ์ไปกับ YAMAHA MAX SERIES” แล้วเจอกันทริปหน้าครับ มารอดูกันว่าพวกเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อครับ