Yamaha NMAX (เอ็นแม็กซ์) รถจักรยานยนต์สปอร์ตเมติกในพิกัด 155 ซีซี. ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่เรียกกันว่า "BLUE CORE" (บลูคอร์) ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างระบบการสั่งจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดและเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล ภายใต้การพัฒนาขึ้นมาใหม่ พร้อมติดตั้งระบบวาล์วแปรผันหรือ VVA (Variable Valve Actuation) เข้ามาในรถรุ่นนี้ด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่า ระบบวาล์วแปรผันหรือ ระบบ VVA มีวิธีและขั้นตอนการทำงานอย่างไร ในวันนี้ทาง Yamaha มีคำอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆของงระบบดังกล่าว มาให้ได้อ่านกันว่ามันเจ๋งยังไง เราไปติดตามพร้อมกันครับ
ระบบวาล์วแปรผัน (VVA) เป็นเทคโนโลยีที่นิยมนำมาใช้ในรถยนต์มานานหลายปี แต่เพิ่งจะมีการนำมาปรับใช้ในรถจักรยานยนต์ Yamaha NMAX (เอ็นแม็กซ์) ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรถคลาส 150 ซีซี. ที่นำเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน มาใช้ในการทำงาน ระบบการทำงานของระบบวาล์วแปรผัน หรือ VVA นั้น ในช่วงรอบเครื่องยนต์ปานกลางถึงรอบสูง หรือ รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 6,000 รอบขึ้นไป ระบบ VVA ก็จะทำงานตามสภาพการขับขี่ของเราทันที ซึ่งระบบ VVA ที่ติดตั้งมาใน Yamaha NMAX มีขึ้นเพื่อให้รถมีสมรรถนะที่ดีในช่วงความเร็วรอบต่ำและสูง โดยระบบนี้มีส่วนประกอบทั้ง เพลาลูกเบี้ยว (Camshaft) รอบต่ำ และ เพลาลูกเบี้ยว (Camshaft) รอบสูง ซึ่งทั้งสอง เพลาลูกเบี้ยวนี้ จะช่วยควบคุมและเปิดปิดวาล์วไอดีให้กว้างเพื่อที่จะช่วยรักษากำลังเครื่องยนต์ไว้ และจะสลับการทำงานจากรอบต่ำไปรอบสูงที่6,000 รอบ โดยมีกระเดื่องกดวาล์ว เป็นตัวส่งผ่านการทำงานเคลื่อนที่ขึ้นและลงของวาล์วตามจังหวะเพลาลูกเบี้ยวรอบต่ำและรอบสูง โดยทำงานร่วมกับวาล์วไอเสียอีกด้วยนะครับ
ส่วนการทำงานของระบบ VVA เราจะทราบก็ต่อเมื่อขับขี่รถถึงความเร็วรอบที่ 6,000 รอบ ระบบVVA จะทำหน้าที่คล้ายสวิตช์อัตโนมัติในการที่จะเปิดหรือปิดกระเดื่องวาล์วต่ำและสูง โดยจะมีโซลินอยด์ ทำหน้าที่ในการเปิดหรือปิดการทำงานของกระเดื่องวาล์ว จะรับคำสั่งด้วยกระแสไฟฟ้าตามคำสั่งของ ECU เมื่อมีความเร็วรอบสูงกว่า 6,000 รอบต่อนาที โดยมีสลักโซลินอยด์ที่จะไปดันสลักซิงโครไนซ์ ให้เคลื่อนตัวขึ้นและลงของกระเดื่องวาล์วต่ำ ซึ่งจะเป็นจังหวะเดียวกันกับกระเดื่องวาล์วสูง ส่งผลให้เกิดการเปิดและปิดวาล์วไอดีขึ้น ระบบการทำงานของ VVA ก็จะเริ่มขึ้นส่งผลให้กำลังเครื่องยนต์ทำงานอย่างต่อเนื่องในทันที ซึ่งเจ้าระบบนี้จะทำงานที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ถือว่าเป็นช่วงความเร็วรอบปานกลางและเป็นความเร็วที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ขับขี่ใช้งานกันบนท้องถนน
หากอธิบายให้เห็นภาพชัดขึ้น ทันทีที่เมื่อได้ขับขี่เจ้า Yamaha NMAX เมื่อผู้ขับขี่ทำความเร็วอย่างต่อเนื่องไปถึงจุดหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. แล้วต้องการทำความเร็วเพิ่มขึ้น ให้ผู้ขับขี่บิดคันเร่งเพิ่มขึ้น ระบบ VVA ของรถYamaha NMAX ก็จะทำงานทันที ส่งผลให้รถพุ่งไปข้างหน้า ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นมาโดยอัตโนมัติแบบไม่ต้องรอรอบเหมือนรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้ออื่นในพิกัดซีซี.เดียวกัน
กรณีที่จอดติดไฟแดง และออกตัวโดยบิดคันเร่งสุดมือ รถก็จะเพิ่มความเร็ว จาก 0 กม./ชม.ขึ้นไปที่ 20,30,40,50,60,70,80 และขึ้นไปอยู่ในระดับท็อปสปีด ซึ่งอาจเป็นความเร็วที่ 120 กม./ชม. หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับเทคนิคการขับขี่ สภาพถนนสภาพแวดล้อมและรวมถึงน้ำหนักตัวของผู้ขับขี่ด้วยความเร็วที่ระดับ 60-70 กม./ชม.นั้น ถ้าเป็นรถยี่ห้ออื่นในพิกัดเดียวกัน จะมีอาการรอรอบความเร็วอยู่เพียงชั่วเวลาหนึ่งแล้วความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น แต่กับเจ้าYamaha NMAX ที่มีระบบ VVA นี้เราสามารถทำความเร็วได้ต่อเนื่องไปจนถึงท็อปสปีดได้เลยแบบไม่ต้องรอรอบความเร็วเลยครับ
สำหรับผู้ขับขี่ที่ทำความเร็วสูงระดับท็อปสปีด แล้วเกิดลดความเร็วลงมาที่ 60 กม./ชม. และต้องการที่จะทำความเร็วเพิ่มขึ้น ให้ผู้ขับขี่บิดคันเร่ง ระบบ VVA ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ รถจะพุ่งออกตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วอย่างที่ต้องการ ไม่มีอาการรอรอบเหมือนรถยี่ห้ออื่นในพิกัดซีซี.เดียวกัน ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถรู้สึกถึงความแตกต่าง จากการตอบสนองของคันเร่ง ทำให้รู้สึกสนุกที่ได้ขับขี่เจ้า Yamaha NMAX อีกด้วยครับ
ทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้กับรถ Yamaha MMAX (เอ็นแม็กซ์) โดยเฉพาะ คลิกเช็ค Spec และรายละเอียดเพิ่มเติมของ Yamaha NMAX ได้ที่นี่ และ คลิกที่นี่เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของเรา สำหรับในวันนี้ขอจบบทความไว้เพียงเท่านี้ก่อนครับ สำหรับบทความฉบับต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรนั้น สามารถติดตามได้ที่นี่เร็วๆนี้ ขอบคุณครับ
