Blog-7-Tents-Yamaha-EP01-1200x628
Reviews

ปลายฝนต้นหนาว ดูดาวนอนอุ่น 7 จุดกางเต็นท์ ไม่ไกลเมืองกรุง !!! EP1 “ห้วยคอกหมู” ราชบุรี



 

ค่าเดินทางสำหรับมากางเต็นท์ น้ำมันรถไปกลับ  300 บาท ค่ากางเต็นท์ ฟรี ใส่ตู้บริจาค 40 บาท อาหารนำมาเอง 100 บาท  


เริ่มออกเดินทาง !!!

ลมหนาวพัดโชยมาแล้ว หลังฝนสุดท้ายที่เพิ่งหมดไปหมาดๆ มันเหมือนเสียงระฆังที่ดังลั่นบอกเวลา ฤดูออกทริปรถมอเตอร์ไซค์ของเรามาแล้ว สำหรับทริปแรกของฤดู เราก็เอาแบบชิลล์ๆ ไปสะดวก กลับสบาย นอนพักนั่งเล่นสักคืน ไม่ไกลเมืองกรุงแล้วกัน วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี อำเภอสวนผึ้ง ณ จุดชมวิว “ห้วยคอกหมู” สุดเขตชายแดนไทย-พม่า เดินทางกันด้วยรถมอเตอร์ไซค์สบายๆ เลี้ยวง่ายจอดง่าย แถมยังประหยัดตังค์ในกระเป๋าด้วย  !!!

 
 
02
 

เริ่มต้นตั้งแต่เช้า เราใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 สายอรุณอมรินทร์–นครชัยศรี หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 นครชัยศรี ว่าง่ายๆ ก็มองป้ายนครปฐมเอาไว้แล้วกัน ระยะทางนับจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงทางหลวงหมายเลข 4 เส้นเพรชเกษม-นครปฐม มีระยะทาง 33.984 กิโลเมตร เส้นทางนี้มีปั๊มน้ำมันและร้านอาหารชื่อดังหลายเจ้าให้เราแวะเติมพลังกัน ผมแวะเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนแต่เนิ่นๆ เพราะหลังจากนี้จะเป็นทางตรงยาวๆ 

เราเกาะป้ายทางหลวง มุ่งหน้าตามป้าย ราชบุรี บนนถนนหมายเลข 4 วิ่งผ่านทางเข้าตัวเมืองนครปฐม จนมาถึงแยกทางเข้าตัวเมืองราชบุรี ด้วยเวลาที่มันมีเหลืออยู่มาก อีกทั้งน้ำมันที่เติมมาเต็มถังก็ยังไม่หมด ผมเลยขอแวะเข้ามาวิ่งเลาะริมน้ำ ตามหาจุดพักรถพักคนสักหน่อย โดยเฉพาะวันนี้กาแฟดีๆ ยังไม่ได้วิ่งผ่านลำคอผมเลย 

 
 03
 

แวะชมศิลปะร่วมสมัย !!!

ระหว่างทางริมน้ำที่ผมเข้ามาหาร้านคอฟฟี่ช็อป ตรงตลาดเก่าโคยกี๊ ราชบุรี ก็ได้เห็นมุมกำแพงมุมหนึ่ง ถูกลงสีวาดลวดลายกราฟิตี้เอาไว้อย่างสวยงาม มันเป็นกำแพงตึกแถวโบราณราวๆ 10 คูหาเห็นจะได้ บนกำแพงมีภาพวาดคล้ายๆ กับผลงานศิลปะของเด็กชั้นประถม ไม่ได้หมายถึงว่าฝีมือแบบเด็กประถมนะ คือผมก็เรียกไม่ถูกว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มองดูแล้วมันรู้สึกมีชีวิตชีวา สดใสดี เลยขอแวะแอบถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆ ดูสักหน่อย แล้วค่อยเดินทางต่อ แต่ทว่าพอเลี้ยวรถออกมาจากมุมนั้นเพียงนิดเดียว ก็มาเจอะกับรูปปั้นขนาดมหึมา เป็นรูปปั้นคนกำลังนั่งกอดเข่า หันหน้าออกไปทางแม่น้ำแม่กลอง  แน่นอนว่าก็ไม่พ้นที่จะต้องจอดรถมอเตอร์ไซค์แวะถ่ายภาพกันอีกครั้ง และจะบอกว่าตลอดริมน้ำเราจะได้เจอะกับศิลปะอีกหลายชิ้นที่ตั้งเอาไว้เป็นจุดๆ ตลอดทาง รวมไปถึงร้านค้ามากมายทั้งแบบที่เป็นแนวโมเดิร์น และแบบออริจินัล 

 
04
 
05
 06
 07
 08
 

เราวิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนเลยใต้สะพานทางรถไฟ ผมสะดุดตากับร้านกาแฟร้านหนึ่ง ที่หน้าร้านเต็มไปด้วยต้นไม้แขวนลอยลงมาจากหลังคา ร้านนี้มีชื่อว่า “Cafe Society ราชบุรี” เอาล่ะผมเลือกร้านนี้ ภายในร้านจัดโต๊ะเอาไว้หลายแบบมีทั้งโซฟา เก้าอี้ไม้ และเคาน์เตอร์ที่หันหน้าออกหน้าร้าน ภายในร้านประดับด้วยตุ๊กตาโมเดลเล็กๆ บรรยากาศแบบสบายๆ ร้านนี้มีทั้งกาแฟสดหอมๆ และอาหารกลางวันบริการ ด้วยเวลาที่เข้ามาเป็นเวลาใกล้เที่ยง จะมีพนักงานบริษัทแวะเวียนเข้ามาทานอาหารอยู่ตลอด 

 09
 010
 011
 012
 013
 014
 

เข้าสู่สวนผึ้ง !!!

จากตัวเมืองราชบุรีก็อีกไม่ไกลแล้วสำหรับ อำเภอสวนผึ้ง เราวิ่งออกมาสู่ถนนสาย 4 ทางเดิม วิ่งตรงไปอีกทางเข้าทางแยกห้วยไผ่ เส้น 3208 จากตรงนี้มีป้ายบอกทางไปสวนผึ้งชัดเจน จากนั้นเราวิ่งตรงไปอีกสักพักผ่านร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวราชบุรีมากมาย แต่ผมมาสะดุดตาอีกรอบก็ตรงรั้วสังกะสีเก่าๆ ที่เปิดอยู่ มองเข้าไปด้านในดูเหมือนปั๊มน้ำมันโบราณในยุค 70’s-80’s ลองวนเข้าไปดูสักหน่อย ภายในนี้มีของเก่ามากมายก่ายกองวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่า หมวกกันน็อกชื่อดังมากมาย และป้ายต่างๆ อีกเพียบ เงยหน้ามองขึ้นไปเห็นป้ายชื่อร้าน 3208 Garage มันคือร้านอาหารสไตล์วินเทจในแบบฉบับโลกของสองล้อ แน่นอนว่าผมแวะทานอาหารกลางวันที่นี่

 015
 016
 017
 018
 019
 020
 021
 

จากนั้นก็เดินทางต่ออีกหน่อยราวๆ 11 กิโลเมตรไปทางจุดชมวิวเขากระโจม มาถึงตรงนี้มีป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยวราชบุรีมากมาย ไม่ต้องกลัวหลง ผมแวะเติมน้ำมันอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ถึงแม้ว่าน้ำมันยังไม่หมดก็ตาม ในที่สุดเราก็มาถึง ทางขึ้นจุดชมวิวเขากระโจม แต่ตรงนี้ไม่ใช่จุดหมายของเรา อีก 14 กิโลเมตร เราต้องวิ่งต่อไปตามป้าย “บ้านบ่อหวี” เลยทางขึ้นน้ำตกบ่อหวีไปไม่ถึงกิโลเมตร เราก็มาถึงป้ายทางขึ้นจุดชมวิว “ห้วยคอกหมู”  


ถึงเวลาแอดเวนเจอร์ !!!
ระยะทางเพียง 6 กิโลเมตร สำหรับทางขึ้น “ห้วยคอกหมู” จากตรงนี้จะเป็นทางดินทั้งหมด ช่วงแรกค่อนข้างจะสาหัสสักหน่อย เพราะว่าเป็นทางดินปนกับโขดหินผสมกัน แต่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกผมว่ามันขึ้นง่ายกว่ารถเกียร์นะ เพราะรอบมันไม่จัดจ้านเท่า ก็ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนพ้นช่วงแรกมาก็จะเป็นทางลูกรังมีร่องรอยของรถออฟโรดวิ่งเป็นร่องทางยาว เพิ่มความยากในการขึ้นนอกจากแค่ความชัน แต่สุดท้ายเราก็ขึ้นมาถึงจนได้ และต้องตกใจเพราะว่าวันที่ผมมาถึงนั้น ไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่บนนี้เลยสักคน ทางด้านซ้ายมือจะเป็นจุดชมวิวถ่ายภาพฝั่งเมืองพม่า และด้านขวามือจะเป็นเนินเฮลิคอปเตอร์ และตรงนั้นคือจุดที่เราจะมากางเต็นท์นอนกัน  

 
 022
 023
 024
 025
 026
 027
 

สายลมหนาวเคล้ารุ้งกินน้ำ !!!

แสงแดดสีทองจากทิศตะวันตก สาดส่องกระทบกับสายฝนอีกด้านของภูเขาก่อให้เกิดเป็นรุ้งกินน้ำแสนสวยงามให้เราได้ชมผสมกับลมหนาว นับว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับช่วงเวลาที่สุด จะต้องเดินทางมากี่รอบเราถึงจะได้เห็นความสวยงามแบบนี้สักครั้ง!!! ด้านบนนี้มีเจ้าหน้าที่ ตชด. คอยดูแลความเรียบร้อย พร้อมกับห้องน้ำบริการ ด้านหน้าจะมีตู้บริจาคอยู่เราก็ช่วยกันตามอัธยาศัย ผมเตรียมจัดแจงแต่งเต็นท์และอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนที่ความหนาวของจริงจะมาถึงหลังพระอาทิตย์ตก  บนนี้ไม่มีร้านค้าหลังการสอบถามได้คำตอบว่าเขากำลังทำการปรับปรุงพื้นที่ร้านค้าใหม่อยู่ ทำให้สำหรับใครที่จะขึ้นมาบนนี้ต้องเตรียมตัวเรื่องอาหารการกินมาให้พร้อม ส่วนของผมไม่ต้องถาม !!! บะหมี่แน่นอน 

 
028
 029
 030
 031
 

ดาวขึ้นหมอกลง !!!

พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แสงไฟในตัวเมืองส่องสว่างมากขึ้น ผมนำกล้องขึ้นมาเพื่อรอถ่ายถาพ ระหว่างรอกลุ่มดาวมารวมตัวกันจนครบ ผมก็เก็บภาพไปพลางๆ อากาศก็เริ่มเย็นลงพร้อมกับความชื้นที่เยอะขึ้น มองไปบนเต็นท์ผมเห็นไอน้ำก่อตัวกันชุดใหญ่ และเมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกรอบ สิ่งที่ผมเห็นคือสายหมอกที่กำลังคล้อยต่ำลงมาหาเรา แต่นี่เพิ่งจะสามทุ่มเองนะ!!! ผมตัดสินใจเก็บของเข้าในเต็นท์ และรอลุ้นว่าคืนนี้เราจะได้ถ่ายดวงดาวกันหรือไม่ รอจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกที่ก็ตี 5 โผล่หน้าออกมามองนอกเต็นท์ ไม่เห็นอะไรเลย รอบตัวผมมีแต่หมอกหนาจัด มีเพียงแสงแดดยามเช้าที่พอทำให้รู้ทิศทางเท่านั้น อากาศตอนนี้กำลังดีเย็นสบาย ไม่หนาวจนถึงกระดูก ผมออกมานั่งดื่มกาแฟที่เตรียมมาและนั่งปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยปะปนสายหมอกราว ๆ 10 โมง หมอกบนนี้ถึงจะจางลง ผมไม่รีบร้อนอะไรเพราะเวลามีเหลือมากมายสำหรับเดินทางกลับ ที่ด้านบนหลังบ้านพัก ตชด. ยังมีจุดชมวิวฝั่งเมืองพม่าที่สามารถทอดสายตามองได้ถึง 180 องศา 

 032
 033
 034
 035
 036
 037
 039
 

หลังจากเราเสพธรรมชาติกันจนอิ่ม ก็ต้องขอลาจาก “ห้วยคอกหมู” แต่ก่อนจะกลับผมแวะไปทักทายพี่ๆ ตชด.เพราะเมื่อคืนผมอาศัยไฟฟ้าในการชาร์จแบตโทรศัพท์ พี่ๆ ทุกคนใจดีมากและเป็นกันเองที่สุด บอกเลยว่ามันคุ้มค่ามากกับการมาในครั้งนี้ 

ค่าเดินทางสำหรับมากางเต็นท์ น้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ไปกลับ 300 บาท ค่ากางเต็นท์ ฟรี ใส่ตู้บริจาค 40 บาท อาหารนำมาเอง 100 บาท  

 040
 041
 043
 044
 045