รู้จักระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์แบบเจาะลึก และข้อดีของระบบหัวฉีดที่ไบเกอร์อาจไม่เคยรู้!

Q : ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์และคาร์บูเรเตอร์มีกี่ประเภท

A : ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ มีด้วยกันหลักๆ 5 ประเภท 

1. ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์แบบทางอ้อม (Indirect Injection หรือ Port Injection)

2. ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์แบบฉีดโดยตรง (Direct Injection)

3. ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์แบบดูอัล (Dual Injection)

4. ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electionic Fuel Injection -EFI)

5. ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์แบบปรับความดัน (Variable Pressure Fuel Injection)

ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบคาร์บูเรเตอร์มีด้วยกันหลักๆ 3 ประเภท 

1. คาร์บูเรเตอร์แบบลูกลอย (Float-type Carburetor)

2. คาร์บูเรเตอร์แบบสูญญากาศ (Vacuum-type Caburetor)

3. คาร์บูเรเตอร์แบบไดอะแฟรม (Diaphragm Caburetor)

Q : ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์กับระบบคาร์บูเรเตอร์ทำงานต่างกันอย่างไร

Q : ข้อดีข้อเสียของระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์และระบบคาร์บูเรเตอร์

A :

• ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์มีความสามารถในการปรับปริมาณเชื้อเพลิงได้ตามสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า ปล่อยมลพิษน้อยกว่า รวมถึงบำรุงรักษาน้อยกว่าระบบคาร์บูเรเตอร์

• ระบบคาร์บูเรเตอร์สามารถปรับแต่งการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังห้องเผาไหม้ได้เองและมีราคาถูก

Q : ทำไมระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ถึงได้รับความนิยมมากกว่าระบบคาร์บูเรเตอร์ในมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่

A : 

1. ประหยัดน้ำมันมากกว่า : มีความแม่นยำในการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังห้องเผาไหม้มากกว่าคาร์บูเรเตอร์ โดยมีกล่อง ECU ช่วยควบคุมในการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง

2. ลดมลพิษ : การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ของระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ช่วยลดการปล่อยมลพิษ ควันดำที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม

Q : อาการที่บ่งบอกว่าระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์มีปัญหาคืออะไร มีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง

A : 

• เครื่องยนต์สะดุดทำงานไม่ราบรื่น

• เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก

• อัตราการกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้น

Q : หัวฉีดมอเตอร์ไซค์ไม่ทำงานเกิดจากอะไร

A : ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ไม่ทำงานเกิดได้จากหลายสาเหตุ 

1. เชื้อเพลิงสกปรก : หากใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ได้คุณภาพ มีสิ่งสกปรกหรือเศษฝุ่นผงปะปนอยู่ในน้ำมัน เมื่อเชื้อเพลิงถูกฉีดผ่านหัวฉีด อาจทำให้สิ่งสกปรกเหล่านี้เข้าไปอุดตันบริเวณหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ได้ จนทำให้ไม่สามารถฉีดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ได้คุณภาพ : การเติมน้ำมันที่มีคุณภาพต่ำ อาจทำให้มีสิ่งเจือปนอยู่ในน้ำมันหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อหัวฉีดมอเตอร์ไซค์และระบบเชื้อเพลิงทั้งหมดของรถมอเตอร์ไซค์ได้

3. การบำรุงรักษาไม่สม่ำเสมอ : ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ไม่ทำงาน อาจมาจากการดูแลรักษาที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น ไม่เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง หรือไม่ทำความสะอาดหัวฉีดตามระยะเวลาที่คู่มือกำหนด ซึ่งอาจทำให้หัวฉีดมอเตอร์ไซค์เสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิมได้ด้วย

4. ระบบไฟฟ้า : รถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่เป็นระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ ส่วนใหญ่แล้วจะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า ถ้าระบบไฟฟ้ามีปัญหา อาจทำงานหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ไม่สามารถทำงานหรือทำงานผิดพลาดได้นั่นเอง

Q : หัวฉีดมอเตอร์ไซค์ควรเปลี่ยนตอนไหน

A : สำหรับระยะเวลาในการเปลี่ยนหัวฉีดมอเตอร์ไซค์นั้น อาจขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน แต่หากหัวฉีดรถมอเตอร์ไซค์ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วไม่เป็นฝอยละอองในปริมาณที่เหมาะสม หรือมีอาการอุดตันจนไม่สามารถล้างออกได้ แนะนำว่าให้เปลี่ยนหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ดีที่สุด

Q : การล้างหัวฉีดมอเตอร์ไซค์มีข้อดีอย่างไร

A : 

1. ทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ ที่เข้าไปอุดตันที่หัวฉีดมอเตอร์ไซค์หลุดออกไป ซึ่งช่วยลดปัญหาเครื่องยนต์สะดุดจากการจ่ายน้ำมันที่ไม่คงที่

2. ทำให้หัวฉีดพ่นน้ำมันเป็นฝอยละอองได้ตามปริมาณที่เครื่องยนต์ต้องการ

3. ช่วยทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่าย

4. ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น

Q : การดูแลรักษาระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ควรทำอย่างไร

A : สำหรับการดูแลรักษาหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ให้พร้อมใช้งาน และช่วยยืดอายุการใช้งานสามารถทำได้โดย

• นำรถมอเตอร์ไซค์เข้าตรวจเช็กสภาพที่ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานตามระยะที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ 

• เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งาน

Q : ระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ช่วยให้มอเตอร์ไซค์ประหยัดน้ำมันจริงหรือไม่

     ทั้งหมดนี้คือคำตอบของระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ของรถมอเตอร์ไซค์จากช่างมืออาชีพของ Yamaha ที่รวบรวมมาให้เหล่าไบเกอร์ได้รู้และทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีหัวฉีดรถมอเตอร์ไซค์กันว่า จริงๆ แล้วระบบหัวฉีดมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันทำงานอย่างไรและมีข้อดีอย่างไร