3.พิพิธภัณฑ์บ้านหมอหวาน
ปิดท้ายกันที่พิพิธภัณฑ์บ้านหมอหวาน หรือ อาคารบำรุงชาติสาสนายาไทย หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่เราไม่อยากให้พลาด และยังคงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะปัจจุบันอาคารบำรุงชาติสาสนายาไทยยังทำหน้าที่เป็นร้านขายยาและสำนักงานของหมอหวาน รวมถึงด้านหลังยังเป็นที่อยู่อาศัยของคนในครอบครัวหมอหวานด้วย
ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียลที่เป็นมรดกจาก หมอหวาน รอดม่วง แพทย์แผนโบราณในสมัย ร. 5 - 8 และได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2557 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
ชั้นล่างเป็นร้านขายยาไทยที่ยังคงรูปแบบและประโยชน์ใช้สอยเหมือนตอนที่หมอหวานยังมีชีวิตอยู่ มีพื้นที่จัดแสดงอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้มากมาย ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์แผนไทยและแผนตะวันตก เช่น เครื่องบดยา หินบดยา รางปั้นเม็ดยา โกร่งบดยา ฯลฯ สำหรับยาไทย ส่วนแผนตะวันตก มีหูฟังเสียงหัวใจ บีกเกอร์ หลอดทดลอง เครื่องสกัดยา
นอกจากได้เรียนรู้เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่หมอสมัยก่อนใช้รักษาคนไข้แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือยาหอมโบราณสุดล้ำค่าที่มีอายุเกินร้อยปีทั้ง 4 ตำรับของหมอหวาน ที่ถูกฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมสร้างการรับรู้ใหม่ที่ถูกต้องเกี่ยวกับ “ยาหอม” ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ถึงภูมิปัญญาของคนยุคก่อนที่หมอหวานตั้งใจมอบให้เป็นมรดกของชาติ ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเที่ยวเช็กอิน เรียนรู้ความเป็นมาเป็นไปที่ดีงามแล้ว ขากลับอย่าลืมอุดหนุนยาหอมหรือยาไทยต้นตำรับอื่นๆ ติดไม้ติดมือเป็นของฝาก
วันเวลา เปิด-ปิด : วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 17.00 น.
เป็นยังไงกันบ้างกับ 3 พิพิธภัณฑ์เกาะรัตนโกสินทร์ที่เรานำมาฝาก บอกเลยว่าวัยรุ่นยุคนี้ต้องลองไปเช็กอินสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะแต่ละที่ก็มีความสวยงามและที่มาต่างกัน นอกจากได้เรียนรู้วิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เป็นเหมือนมรดกของชาติแล้ว ยังได้ชื่นชมและถ่ายรูปสถาปัตยกรรมสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก หรือจะอัปลงโซเชียลก็รับรองว่าไม่ซ้ำใครแน่นอน การเดินทางก็สะดวกสบาย ขี่รถมอเตอร์ไซค์วันเดียวเที่ยวได้ครบทั้ง 3 ที่ |