รถมอเตอร์ไซค์ต่ำกว่า 400 cc.
รถบิ๊กไบค์
ผลิตภัณฑ์ทางน้ำ
รถกอล์ฟ
ออนไลน์ช้อป
Yamaha Online Shop
BIGBIKE
บิ๊กไบค์
DEALER & SERVICES
ศูนย์บริการ และผู้จำหน่าย
PRIVILEGE
สิทธิพิเศษ
YAMAHA MOTOR SPORT
ยามาฮ่าเรซซิ่ง
ABOUT US
เกี่ยวกับยามาฮ่า
ค้นหา
เมนู
YAMAHA SOCIETY THAILAND
ผลิตภัณฑ์
ข่าวและกิจกรรม
ยามาฮ่าไลฟ์สไตล์ (บล็อก)
มีเดีย
YAMAHA RIDING ACADEMY (YRA)
สั่งจองอะไหล่
สมุดภาพอะไหล่
ติดต่อยามาฮ่า
ดาวน์โหลดโบรชัวร์
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
คู่มือผู้ใช้รถจักรยานยนต์
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
รถมอเตอร์ไซค์ต่ำกว่า 400 cc. / COMMUTER
รถบิ๊กไบค์ / BIGBIKE
ผลิตภัณฑ์ทางน้ำ / MARINE
รถกอล์ฟ / GOLF CAR
ออนไลน์ช้อป / ACCESSORIES
หน้าหลัก
อุปกรณ์เสริม
หมวกกันน็อก
เครื่องแต่งกาย
ยามาลู้ป
อะไหล่
HOME
MODEL
NEWS
CALCULATOR
FIND A DEALER
TEST RIDING
หน้าหลักศูนย์บริการและผู้จำหน่าย
ผู้จำหน่าย
เช็กข้อมูลรถจักรยานยนต์
โครงการอบรมผู้จำหน่าย
โปรแคร์
ศูนย์บริการสีเขียว
แนะนำบริการ
หน้าหลักสิทธิพิเศษ
เข้าสู่ระบบ
สิทธิประโยชน์สมาชิก
ข่าวสาร
ข่าวสารความเคลื่อนไหวทั้งหมด
กิจกรรม
บทความทั้งหมด
วิดีโอ
โบรชัวร์
แกลลอรี
wallpaper
สกรีนเซฟเวอร์
เพลง
แอปพลิเคชัน
Home
International
National
Team & Rider Profile
Motorsport Activity
ติดต่อเรา
เกี่ยวกับ YRA
สมัครอบรม
ข่าวสารและกิจกรรม
02-740-8001
ความยั่งยืน
กลุ่มบริษัทยามาฮ่าประเทศไทย
ร่วมงานกับเรา
มันจะมี “เส้นทาง” สักแห่งไหม ที่คุณเคยเดินทางไปแล้วยังคงอยากเดินทางไปอีกโดยไม่เคยเบื่อ กับความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ที่หลายครั้ง ทำให้คุณอยากเดินทางออกไปไกลๆ เพื่อชาร์จพลังไฟให้กับชีวิต เก็บเกี่ยวความสุข ความฟินน์ ให้ชีวิต ได้หายจากความเหนื่อยล้า
“แม่ฮ่องสอน” กับเส้นทางการเดินทางที่หลายๆคนจะติดหูกับคำว่า 1,864 โค้ง แต่หากการเดินทางโดยไม่ย้อนกลับทางเดิม จะมีโค้งกว่า 4,088 โค้ง ถึงผมจะเดินทางผ่านเส้นทางนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ถามว่าเบื่อไหม? ผมตอบได้เลยว่า ไม่เคยเบื่อเลย ทุกๆครั้งในยามที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้จะมีอะไรให้ได้สัมผัสในความรู้สึกที่แตกต่างกันทุกๆครั้งเสมอ และนี่คือเสน่ห์ของเส้นทางนี้ “เมืองสามหมอก” จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ในหลายๆครั้งที่ได้เดินทางไปยังเส้นทางนี้ส่วนมากจะเป็นการเดินทางผ่านไป หรือไปเที่ยวในบางจุดที่อยากไป ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง ไป-กลับ ซะเป็นส่วนมาก ซึ่งต่างจากในทริปนี้ที่ผมเลือกใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ในการท่องเที่ยวครั้งนี้ เพราะมันเป็นโอกาสสุดท้ายในการท่องเที่ยวในช่วงปลายฝน เพื่อเตรียมต้อนรับลมหนาวในปีนี้นั่นเอง จุดเริ่มต้นทริปนี้ของผมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจะมาจบลงที่เชียงใหม่เช่นเดิม จะเป็นทริปที่วนรอบจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นวงกลมกับระยะทางรวมกว่า 700 กิโลเมตร โดยได้เดินทางไปกัน 3 คน 3 คัน ด้วย ยามาฮ่า ฟินน์ [Yamaha Finn] 2 คัน และ ยามาฮ่า สปาร์ต 135 [Yamaha Spark 135] อีกหนึ่งคัน และมีพวกคุณที่กำลังอ่านร่วมเดินทางไปพร้อมกันกับผมนะครับกับทริปชวนฟินน์ “เมืองสามหมอก” 4,088 โค้ง ครับ ด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบพกของใช้ไปเยอะ แต่ในครั้งนี้ต้องเดินทาง 4 วัน 3 คืน ดังนั้นเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัวก็ต้องได้พกไป ไหนจะต้องพกกล้องอะไรไปด้วยอีก ยังดีที่ใต้เบาะของเจ้า ยามาฮ่า ฟินน์ [Yamaha Finn] สามารถใส่ของได้ 9.7 ลิตร นั่นทำให้ใต้เบาะผมจึงยัดเสื้อผ้าทั้งหมด รวมไปถึงอุปกรณ์ยังชีพไปได้ทั้งหมด กระเป๋าเป้ก็ยัดไปแต่กล้องและเลนส์อีก 4-5 ตัว ส่วนขาตั้งกล้องก็มัดท้ายรถไปสบายจริงๆ
จากเชียงใหม่พวกผมเลือกเดินทางตั้งแต่เช้าไปยังอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และตั้งใจให้จบทริปในวันสุดท้ายที่ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งในครั้งนี้เราจะไม่ได้แวะเข้าไปเยือนตัวเมืองอำเภอปายนะครับ เพราะทริปในครั้งนี้เราอยากจะไปฟินน์กับบรรยากาศที่ชวนหลงไหล ให้สมกับชื่อ “เมืองสามหมอก” กันมากกว่าครับ เส้นทางเข้าสู่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เรียกได้ว่าเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ได้ความรู้สึกที่ฟินน์มากๆเวลาขี่เส้นทางนี้ ด้วยบรรยากาศสองข้างทางที่ร่มรื่น อีกทั้งตอนนี้ได้มีการปรับปรุงถนนใหม่ ทำให้ขี่ได้สนุก แอบเผลอพาเจ้า ยามาฮ่า ฟินน์ [Yamaha Finn] ไปเล่นโค้งนิดหน่อย ซึ่งก็ถือว่าขี่ได้สนุกทีเดียวกับถนนที่มีโค้งมากขนาดนี้ เพราะเส้นทางนี้จะมีโค้งที่มากถึง 2,224 โค้ง ไปจนถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนครับ ระหว่างทางไปยังอำเภอปายเราจะได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่ามอเตอร์ไซค์ หรือขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวที่อำเภอปายค่อนข้างมาก เพราะถือว่าเป็นจุดที่ขึ้นชื่อที่ชาวต่างชาติชอบไปเที่ยวกันครับ ก่อนเข้าถึงเขตอำเภอปาย จะมีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่เหล่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ชอบแวะ นั่นก็คือร้านกาแฟ “บ้านแม่มด”จะเห็นได้เด่นชัดด้วยหลักกิโลสีเหลืองที่เขียนไว้ด้วยชื่อร้าน และบริเวณหน้าร้านก็จะมีหุ่นแม่มดซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้เลยก็ว่าได้ แวะสิครับรออะไร… เป็นร้านที่บรรยากาศสบายๆ นั่งสบายๆ ที่ดูแปลกตาก็คือการตกแต่งด้วยเหล่าบรรดาหุ่นแม่มดทั้งหลายนี่แหล่ะครับที่ทำให้เป็นจุดดึงดูดของร้านนี้ และผมรู้ได้ยังไงว่าร้านนี้มีแต่คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาแวะ นั่นก็คือสติ๊กเกอร์ของกลุ่มต่างๆที่เคยได้แวะมานั่งทาน หรือแวะที่ร้านนี้ ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียวครับ ซึ่งมันเป็นเหมือนธรรมเนียม วัฒนธรรมของร้านที่เหล่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ชอบแวะพักไปซะแล้ว ว่าร้านไหนที่คนนิยมไปต้องเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์กลุ่มต่างๆแบบนี้ครับ จัดกาแฟให้หายง่วงก็เดินทางต่อเข้าไปยังอำเภอปาย ทางเส้นนี้ก่อนที่จะถึงอำเภอปาย จะมีโค้งค่อนข้างเยอะ จุดที่อยากให้ระมัดระวังกันบ้างก็คือโค้งพับต่อๆกัน ซึ่งคนที่ไม่ชำนาญเส้นทางก็ควรระมัดระวังให้มากๆครับ เพราะมีแหกกันไปก็หลายต่อหลายรายแล้วครับ เมื่อเริ่มเข้าสู่เขต อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนถึงตัวอำเภอปายราว 10 กิโลเมตร สิ่งที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวอันดับแรกๆเลยก็คือ “สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย” ซึ่งเป็นสะพานถูกสร้างขึ้นในตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทหารประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงและอาวุธข้ามแม่น้ำปาย เข้าไปยังประเทศพม่า ซึ่งถือว่าเป็นสะพานที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจทีเดียวครับ จะเป็นหนึ่งจุดที่หากใครได้แวะผ่านมาทางอำเภอปายต้องแวะที่นี่กันครับ ซึ่งในวันที่ผมไปก็โชคดีได้เจอกับ “โกโบริ” มายืนให้คำแนะนำนักท่องเที่ยว และ ใครอยากถ่ายรูปด้วยก็จัดไปครับ ให้กำลังใจเขาด้วยทิปสักเล็กน้อยก็ดีนะครับ เพราะแต่งตัวออกมายืนให้คำแนะนำหลายๆคนตั้งแต่เช้ายันเย็นครับ เดินทางไปเที่ยวต่อกันดีกว่าครับ งานนี้จะไม่เข้าในตัวอำเภอปาย แต่ที่ปายก็ยังมีอะไรดีๆที่น่าเที่ยว นั่นก็คือ “โขกู้โส่ (สะพานบุญ)” อยู่ที่บ้านแพมบก ตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งระหว่างทางในการเดินทางชาวต่างชาติเดินทางไปกันเยอะมาก ซึ่งผมแทบไม่ค่อยเห็นคนไทยเลย และน้อยมากที่คนไทยจะรู้จักที่นี่ครับ “โขกู้โส่ (สะพานบุญ)” เป็นสะพานไม้ท่ามกลางวิวที่สวยงามของภูเขา และทุ่งนา ให้อารมณ์เหมือนๆกับ “สะพานซูตองเป้” ซึ่งคำว่า โขกู้โส่ เป็นภาษาพื้นบ้านซึ่งแปลว่า สะพานบุญ (โข แปลว่า สะพาน และกู้โส่ แปลว่า บุญ) ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างใหม่ได้ไม่กี่ปีมานี่เองครับ ซึ่งการเข้าชมจะเสียค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาทครับ อารมณ์มันก็จะฟินน์ๆกับการอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนาและป่าเขา ชาวต่างชาติหลายๆคนที่มาที่นี่เขาก็คงจะรู้สึกเช่นกัน กับการมาเสพธรรมชาติที่มีความงดงามแบบนี้ครับ โดยจะมีร้านกาแฟเล็กๆรวมไปถึงการจำหน่ายสินค้า Otop ต่างๆของชาวบ้านมาจำหน่ายที่นี่ด้วยครับ ผมเพลินอยู่ที่นี่นับชั่วโมงเลยทีเดียว จนแทบลืมทานข้าว ก็ยังดีที่มีร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ใกล้ๆก็เลยได้เติมพลังและเดินทางต่อครับ เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเวลาบ่ายกว่าๆแล้ว พวกเราเดินทางในสายอ้อมเมืองปาย เพื่อเดินทางไปยัง “บ้านจ่าโบ่” เพราะในวันนี้เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะไปนอนกันที่นี่ครับ ขี่รถในช่วงบ่ายๆ วิ่งสู้แดดที่ฟาดเข้าตาก็เล่นเอาแสบตาได้เรื่องอยู่ครับ แต่ก็ดีที่ทางเส้นนี้มีต้นไม้ข้างทางค่อนข้างเยอะให้บังแดดได้บ้างครับ จุดแวะพักอีกจุดของพวกเราก็คือ “จุดชมวิว ดอยกิ่วลม” ซึ่งหากมาช่วงเช้าๆ จุดนี้จะเป็นจุดที่หากโอกาสดีๆจะได้เห็นทะเลหมอกด้วยครับ แต่เรามาถึงที่นี่ก็บ่ายๆแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศมาฝากนะครับ หลังจากจุดนี้ไปต้องบอกว่ามีจุดท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเยอะครับ มีถ้ำหลายที่ๆน่าจะแวะ แต่ด้วยเป็นช่วงปลายฝนหลายถ้ำน้ำเยอะ จึงขอเว้นเรื่องการพาเที่ยวถ้ำนะครับ กลัวไปติดถ้ำแล้วจะไม่มีใครไปช่วยออกมา 555 จากจุดชมวิวดอยกิ่วลม เดินทางไปยัง บ้านจ่าโบ่ก็อีกราวๆ 30 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่โค้งเยอะเช่นเดิมเพราะอยู่ในช่วงเส้นทาง 2,224 โค้งก่อนถึงตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขับขี่ควรใช้ความระมัดระวังครับ พวกเราเดินทางกันแบบสบายๆเสพบรรยากาศไปเรื่อยๆด้วย Yamaha Finn และ Spark 135 เดินทางในช่วงความเร็ว 80-100 กม./ชม. กำลังดี มีโค้งให้เล่นเยอะ ผมขี่เจ้า Yamaha Finn รถก็ถือว่าเล่นโค้งได้ดีพอใช้ได้ หากได้โช้คใหม่ที่ดีกว่านี้คงจะเพอร์เฟคครับ ผมมาถึง “บ้านจ่าโบ่” อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ก็บ่ายๆเกือบเย็นแล้ว ก็ต้องรีบไปหาที่พักครับเพราะเดี๋ยวหากไม่ได้ที่พักจะยุ่ง เพราะที่นี่ในช่วงวันหยุดส่วนมากจะเต็ม หากเป็นวันธรรมดาแบบที่ผมมาก็ต้องลุ้นๆดูว่าจะเต็มไหม เพราะในช่วงปลายฝนแบบนี้คนจะเริ่มทะยอยมาเที่ยวที่นี่กันเยอะขึ้น และหากเป็นช่วงหนาวๆบอกเลยว่าที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งเลยที่คนจะต้องมาเที่ยวกัน มีอะไรดีเดี๋ยวไว้ในตอนหน้าผมจะมาบอกว่าทำไมคนถึงชอบมาเที่ยวที่นี่ครับ การติดต่อที่พักที่นี่ผมได้ไปติดต่อได้ที่ บ้านผู้ใหญ่บ้าน ครับเพราะเป็นโฮมสเตย์จุดหนึ่งที่มีวิวที่ค่อนข้างดี ลุ้นว่าหากฝนไม่ตกหนักในคืนนี้หรือพรุ่งนี้เช้า ผมน่าจะมีโอกาสได้เห็นอะไรดีๆในตอนเช้าๆครับ
สำหรับโฮมเสตย์บ้านผู้ใหญ่นั้นในวันที่ผมไปเขาคิดที่ คนละ 300 บาท รวมอาหารเย็น เป็นโฮมสเตย์ติดเชิงเขา ออกไปยืนที่ระเบียง เห็นวิวที่เป็นหุบเขาที่ดูสบายตาจริงๆครับ โฮมสเตย์ที่บ้านจ่าโบ่เป็นโฮมสเตย์แบบบ้านๆ ไม่ได้หรูหราอะไร นอนรวมกัน 3 คน กางมุ้ง ให้อารมณ์เหมือนได้พักกับชาวบ้าน ส่วนตัวผมชอบโฮมสเตย์แนวนี้มากๆครับ คุณป้าที่ทำอาหารเย็นให้เราก็ทำกับข้าวให้โฮมสเตย์หลังอื่นๆด้วย ไปนั่งดูป้าเขาทำกับข้าวก็เพลินดีครับ ค่ำๆลูกชายผู้ใหญ่บ้านก็เอากับข้าวมาส่งให้ถึงที่พัก ซึ่งก็เป็นอาหารง่ายๆ แต่อร่อยมากๆครับ นั่งกินริมระเบียง ที่ไม่กว้างมากนัก ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น และได้มีโอกาสนั่งคุยกันไปจนดึกถึงการเดินทางร่วมกันมาในคืนนี้ พรุ่งนี้จะเป็นยังไง พวกผมจะได้เจออะไร ติดตามการเดินทางของพวกเราต่อได้บทความด้านล่างนะครับ คลิก!! เช็ค Spec และรายละเอียดของ ยามาฮ่า ฟินน์ [Yamaha FINN] ได้ที่นี่ ติดตามการเดินทางของพวกเราต่อได้ที่นี่เลยครับ - ชาร์จไฟให้กับชีวิต กับทริปสุดฟินน์ “เมืองสามหมอก” 4,088 โค้ง – Day II - ชาร์จไฟให้กับชีวิต กับทริปสุดฟินน์ “เมืองสามหมอก” 4,088 โค้ง – Day III - ชาร์จไฟให้กับชีวิต กับทริปสุดฟินน์ “เมืองสามหมอก” 4,088 โค้ง – Day IV The End.
คำนวณค่างวด
เปรียบเทียบ
ค้นหาผู้จำหน่าย
สนใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์