1
Reviews

ชาร์จไฟให้กับชีวิต กับทริปสุดฟินน์ “เมืองสามหมอก” 4,088 โค้ง – Day II by VRThairider

1

กับคืนแรกที่ “บ้านจ่าโบ่” อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน กับ ทริปสุดฟินน์ “เมืองสามหมอก” 4,088 โค้ง 4 วัน 3 คืน กับการเดินทางด้วย Yamaha Finn และ Yamaha Spark 135 (การเดินทางวันแรกดูได้ที่นี่ครับ) เป็นการนอนโฮมสเตย์ให้ให้ความรู้สึกที่เย็นสบายโดยไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศ กับบรรยากาศปลายฝนแบบนี้ ดึกๆก็ถือว่าอากาศเย็นทีเดียว หากไม่ชินกับอากาศแบบนี้หลายคนคงพูดได้ว่า “หนาว” ครับ ไม่อยากคิดถึงช่วงฤดูหนาวจริงๆจะขนาดไหน มาเที่ยวแบบนี้อย่านอนตื่นสายครับ เพราะอาจจะเสียโอกาสได้เห็นอะไรดีๆในยามเช้าๆได้ ผมตื่นตั้งแต่เช้าราวๆตี 5 เพื่อรอดูแสงแรกที่บ้านจ่าโบ่ ออกมานั่งสูดอากาศที่ปนไปด้วยละอองหมอก มันช่างชุ่มปอด สดชื่นจริงๆครับ สมกับคำที่ว่า “ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน” จริงๆครับ ด้วยค่าที่พักเพียงแค่ คนละ 300 บาท พร้อมอาหารเย็น คุ้มค่าจริงๆ


2


3


เช้าๆแบบนี้หมอกปกคลุมไปทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านเริ่มออกจากบ้านเพื่อทำธุระส่วนตัว บางคนเดินไปสวนไปไร่ บางคนมานั่งคุยกันที่ระเบียงบ้าน ผมบอกเลยว่ามันเป็นบรรยากาศการใช้ชีวิตที่ดูอบอุ่นจริงๆครับ



4


5



6


มองดูสายหมอกตัดกับทิวเขา มองลอดช่องระหว่างบ้านแต่ละหลัง มองดูหมอกที่ไหลเข้ามากระทบกับบ้านริมเชิงเขา มันทำให้เรานั่งมองได้แบบเพลินๆจนลืมคิดถึงเรื่องต่างๆที่วุ่นวายในสมองได้ดีทีเดียวครับ


7


8


หมอกในยามเช้าถือว่าหนาแน่นมากๆครับ ขนาดว่ายังไม่ใช่ช่วงฤดูหนาวเต็มตัว ยังเยอะซะจนบางทีถ่ายรูปแทบไม่ได้เพราะหมอกจัดมากๆครับ แต่ก็ได้รูปถ่ายอีกอารมณ์หนึ่งเหมือนกันครับ

9


สำหรับที่ “บ้านจ่าโบ่” ผมต้องแนะนำเลยว่าที่นี่เราควรจะมานอนที่โฮมสเตย์ที่นี่ครับ ทั้งหมู่บ้านมีการจัดสรรให้แต่ละบ้านทำโฮมสเตย์ครับ ทำไมผมถึงบอกว่าควรมานอนที่นี่ ก็เพราะว่าในตอนเช้าๆเราจะได้เห็นธรรมชาติ หมอก ทะเลหมอก ที่สวยงามในยามเช้าๆครับ ซึ่งหากคนที่ไม่นอนแต่อยากที่จะเดินทางมาควรมาถึงที่นี่ไม่เกิน 8 โมงเช้าจะกำลังดีครับ เพราะหากสายๆอาจจะไม่ได้เสพความงดงามเหล่านี้ครับ


10



11


“ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” เป็นหนึ่งในร้านที่คนจะรู้จักว่าร้านนี้อยู่ที่ “บ้านจ่าโบ่” ด้วยเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดแต่เช้า สามารถมานั่งกินรอพระอาทิตย์ขึ้นได้เลยครับ ซึ่งมีเอกลักษณ์ของร้านที่เป็นจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ที่สวยที่สุดครับ

12


13


และเอกลักษณ์อีกอย่างก็คือการได้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวแบบห้อยขาตามชื่อร้านครับ เรียกได้ว่ากินก๋วยเตี๋ยวไปพร้อมๆกับชมวิวหมอก มันเป็นอะไรที่สุดจะบรรยายจริงๆครับ


14


15


16


และแน่นอนครับที่ “บ้านจ่าโบ่” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหล่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ หรือ รถยนต์ จะมาเช็คอินที่นี่ด้วยการติดสติ๊กเกอร์กลุ่มของตัวเองที่ร้านแห่งนี้ครับ


17


เด็กๆก็จะมาช่วยพ่อแม่ขายของไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ ที่เอามาขายให้คนที่มาเที่ยวที่นี่ได้ลองทานกันดู หรือแม้แต่จุดขายของหัตถกรรม และของฝากต่างๆของจังหวัดแม่ฮ่องสอนครับ

18


19


นวันนี้หมอกค่อนข้างหนามากๆ ซึ่งโอกาสที่จะมีทะเลหมอกในวันนี้อาจจะมีโอกาสน้อย แต่มันก็ได้อารมณ์อีกแบบหนึ่งในการถ่ายรูปกับหมอกหนาๆแบบนี้ครับ ในจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ก็จะมีคนทะยอยกันไปถ่ายรูปเรื่อยๆ

 

20


ไม่เว้นแม้แต่สาวสวยคนหนึ่งที่ผมเห็นเธอเดินมาคนเดียว นั่งถ่ายรูปคนเดียว ดูเธอมีความสุขไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และอยากเก็บไปไว้ในความทรงจำของตัวเธอเองยังไงยังงั้น ก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปมาสักหน่อย เพราะทริปนี้ไปกันไม่มีนางแบบให้ได้ถ่ายเลย

 
21


22


ใครที่อยากทานกาแฟสดอร่อยๆที่บ้านจ่าโบ่เองก็มีร้านกาแฟชื่อว่า “dek doi coffee” เปิดให้บริการอยู่ครับ เป็นร้านที่ดูมีสไตล์ในราคาไม่แพง แถมยังได้นั่งจิบกาแฟและดูวิวสวยๆไปพร้อมๆกันได้ครับ


23

 


24


25


จริงๆแล้วผมต้องเดินทางต่อ แต่เห็นป้ายหลักกิโลที่บ้านจ่าโบ่บอกว่า “เมียนมาร์” อีกแค่ 30 กิโล ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเราเลยลงมติว่าขอลองออกนอกเส้นทางสักหน่อยเพื่อพาเจ้า Yamaha Finn ลองเดินทางต่อไปยังเมียนมาร์อีกแค่ 30 กิโลครับ


26


ถนนก็เป็นถนนลาดยางวิ่งบนสันเขาบ้าง ขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง ก็ถือว่าเป็นทางที่สวยทางหนึ่งเหมือนกันครับ ซึ่งตลอดทางร่วม 30 กิโล แทบจะไม่เจอรถสวนทางหรือตามพวกผมมาเลย บางทีก็แอบรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเหมือนกันนะเนี่ย

 

27


เมื่อผมเดินทางมาเกือบ 30 กิโล ก็ได้เจอกับด่านทหาร เมื่อได้เข้าไปสอบถามดูแล้วทำให้ได้รู้ว่า หากต้องการผ่านไปยังเมียนมาร์ ต้องไปขอใบอนุญาติที่ตัวอำเภอมาก่อน จึงจะสามารถผ่านเข้าไปได้ ซึ่งก็อดไปตามระเบียบ ไม่เป็นไรคราวหน้าไว้จะข้ามไปใหม่ละกันครับ


32


ได้เวลาเดินทางต่อครับ ในวันนี้พวกเรามีเป้าหมายอยู่ที่ “ปางอุ๋ง” เพราะตั้งใจไปพักที่นั่นครับ อีกหนึ่งสถานที่ๆใครๆที่มาแม่ฮ่องสอนก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศที่นี่ครับ โชคดีที่เส้นทางในจังหวัดแม่ฮ่องสอนค่อนข้างร่มรื่น จึงทำให้การเดินทางไม่ร้อนครับ ยิ่งปลายฝนแบบนี้อากาศบางช่วงเย็นสบายมากครับ

 

29


หากขี่รถมาเหนื่อยๆ ง่วงๆ จุดพักรถที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นจุดชมวิว จากบ้านจ่าโบ่จะเดินทางไปปางอุ๋ง ก็จะได้ผ่าน “จุดชมวิว บ้านลุกข้าวหลาม” ซึ่งหากมาในช่วงเช้าๆก็อาจจะได้เห็นบรรยากาศของหมอกที่นี่ได้สวยไม่แพ้ที่บ้านจ่าโบ่เช่นกันครับ

 

30



เส้นทางนี้อาจจะไม่ได้มีร้านหรูๆ ดูดี ให้แวะทานอะไรมากนัก แต่ก็มีพวกร้านอาหารปิ้งย่าง ไก่ย่าง หมูย่าง ให้ได้แวะกินแก้หิวได้ ซึ่งมันก็ได้บรรยากาศของการเดินทางจริงๆมันต้องแบบนี้แหล่ะครับ แม่ค้าพ่อค้าตัวเล็กๆก็ดูน่ารักดีครับ


32


33

34


35


การเดินทางไปยังเป้าหมายคือ “ปางอุ๋ง” นั้นไปเส้นทางเดียวกับที่จะไป “บ้านรักไทย” ซึ่งเป็นทางที่ผมต้องบอกว่ามันเป็นทางที่ชันเอาเรื่องเหมือนกัน ซึ่ง Yamaha Finn ก็มีแรงไต่ไปได้สบายๆ อาจจะมีบางเนินที่ชันมากๆก็ต้องอาศัยลดเกียร์และบิดคันเร่งสู้เนินพอสมควรแต่ก็ไปได้สบายๆครับ


36


37


ระหว่างทางก็จะได้เจอ “ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ” หรือศูนย์ปางตอง ซึ่งผมผ่านมาบ่อยแต่ก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสได้เข้าไปเลย ทริปนี้เลยถือโอกาสขี่รถพาเพื่อนๆเข้าไปเที่ยวกันนะครับ


38


ศูนย์ปางตอง จะเป็นแหล่งเรียนรู้สู่การขยายผล เพื่อชุมชน คน และป่าในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจะมีหลากหลายโครงการภายในศูนย์ปางตอง อาทิ ศูนย์การวิจัยเชิงพัฒนาส่งเสริมอาชีพบนพื้นที่สูงหลายแขนง สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์ การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ตลอดจนศูนย์อนุรักษ์และจัดการพื้นที่ป่า และการพัฒนาระบบไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งหากมาที่นี่ได้ทั้งความเพลิดเพลินแถมยังได้ความรู้ติดตัวไปอีกด้วย


39


ภายในจะมีฟาร์มแกะเพื่อนำเอาขนแกะไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอีกด้วย หากมาในช่วงที่เขาปล่อยแกะออกนอกกรงจะได้บรรยากาศอีกแนวครับ เพราะจะมีแกะเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมดครับ


40


41


พวกเราก็ได้มีโอกาสอุ้มลูกแกะแบบใกล้ๆและยังสามารถป้อนนมให้ลูกแกะอีกด้วย หากได้มีโอกาสมาเที่ยวก็อย่าลืมเข้ามาที่ฟาร์มแกะนะครับ


42

43

44


มองดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปบ่ายสามบ่ายสี่แล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปที่ปางอุ๋ง แต่ก็คิดกันได้ว่าที่บ้านรักไทยส่วนมากใครๆก็มักจะไปกันในตอนเช้า ไม่ค่อยมีใครถ่ายรูปในยามเย็นๆค่ำๆของบ้านรักไทยมาเลย พวกเราเลยขออาสาควบเจ้า Yamaha Finn และ Yamaha Spark 135 พาเพื่อนๆไปชมบ้านรักไทยในยามเย็นกันบ้างนะครับ


45


“บ้านรักไทย” เป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงชายแดนไทย-พม่า ซึ่งคนในหมู่บ้านส่วนมากจะเป็นชาวจีนยูนนานหรือจีนฮ่อ ซึ่งมีเอกลักษณ์ของอาคารบ้านเรือนต่างๆไว้จนทำให้บางครั้งคิดว่าตอนนี้อยู่ที่จีนครับ มีจุดถ่ายรูปสวยๆหลายจุดหากใครได้พาแฟนมาเที่ยวที่นี่คงมีรูปถ่ายกลับไปเพียบเลยครับ


46

47

48

จะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน มีบ้านปลูกอยู่รอบๆ เป็นจุดแลนด์มาร์คอีกจุดที่สวยงามและคนชอบมาถ่ายรูปกันที่นี่ครับ

49


ในยามค่ำคืนแสงไฟจากหมู่บ้านส่องกระทบผืนน้ำมันช่างดูสวยงามแปลกตาจริงๆครับ ต่างจากการมาเที่ยวชมวิวที่บ้านรักไทยในยามเช้าๆครับ


50

ชมความสวยงามกันจนมืดลืมไปเลยว่าวันนี้เราต้องไปนอนกันที่ “ปางอุ๋ง” ไม่ใช่ที่นี่ครับ ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปปางอุ๋ง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านรักไทยราว 10 กว่ากิโลเมตรครับ


51

มาถึงก็เล่นเอามืดแล้วครับ จะเข้าไปกางเต็นท์ในปางอุ๋งก็คงไม่ทันและไม่รู้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์กันเยอะไหมก็เลยเลือกพักโฮมสเตย์ในหมู่บ้านด้านหน้าทางเข้าปางอุ๋งครับ ซึ่งมีมากมายให้เลือกครับ ซึ่งพวกเราก็ตกลงนอนกันที่ “ลุงนะ โฮมสเตย์” ในราคาหลังละ 400 บาท นอนกัน 3 คนไม่แพงเลยครับ


52


53



54

คืนนี้ขอปิดท้ายด้วย หมูกะทะ ก่อนเข้านอนครับ กับอากาศเย็นๆต้องหาอะไรร้อนๆมาทาน เรื่องอาบน้ำคืนนี้ขอผ่านก่อนละกันครับ ^^  

55


56


57