ปลายฝนต้นหนาว ดูดาวนอนอุ่น 7 จุดกางเต็นท์ ไม่ไกลเมืองกรุง EP 7 ดูดาวริมเขื่อน นครนายก

ก้าวมาถึงจุดที่ 7 กันแล้วสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวหาจุดชมวิวสวยๆ กางเต็นท์นอน ด้วยรถมอเตอร์ไซค์สายชิล  สำหรับจุดนี้เรียกว่าเป็นอะไรที่ผมชอบมากที่สุด โดยส่วนตัวนะ มันเป็นจุดที่รวบรวมเอาทั้งบรรยากาศภูเขา  น้ำ และ ดวงดาวมารวมอยู่ด้วยกัน  รอบนี้เราหวดรถ YAMAHA EXCITER 150 EX ใหม่ รถที่ผสมผสานความเป็นสปอร์ตเอาไว้ในรูปทรงของรถครอบครัว เรียกว่ามันใช้งานง่ายคล่องตัวสำหรับพ่อบ้าน แม่บ้าน และยังสนุกเราใจได้เมื่อลูกๆขับขี่ และด้วยความที่เป็นรถระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ยิ่งทำให้การเดินทางไกลนั่นได้เปรียบกว่ารถรุ่นอื่น อีกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 150  cc นี่ก็สามารถอัดคันเร่งยาวๆได้สบาย  รอบนี้เราไปกันที่จังหวัดนครนายก ดินแดนแห่งสายน้ำและลำคลอง "เขื่อนขุนด่านปราการชล"  ผมว่าสายเที่ยวสองล้อหลายคนคงคุ้นเคยดี ด้วยความที่มันอยู่ไม่ไกล ไปเช้าเย็นกลับได้ ถนนหนทางก็ดี  จะชิลก็ได้ สปีดก็ดี มีครบทุกอย่างที่ชาวมอเตอร์ไซค์เราต้องการ 
********* ค่าน้ำมันเดินทาง 280 บาท กางเต็นท์ฟรี ************









เส้นทางจากกรุงเทพผมขอเลือกเส้นทางรังสิต-นครนายก   ระยะทางก็เพียง 117 กิโลเมตร  เริ่มต้นจากถนนวิภาวดีเลี้ยวเข้ารังสิต-นครนายก ตามทางหลวงหมายเลข 305 เราวิ่งตรงยาวๆ ไม่มต้องเลี้ยวไปไหน จนกว่าจะถึงแยกบ้านนา อ.แก่งคอย ทางหลวงหมายเลข 3051 เราก็จะเจอป้ายยินดีต้อนรับสู่เขื่อนขุนด่านปราการชล จากนั้นเราก็วิ่งตรงเข้าไปอีกจนกว่าจะเจอกับสี่แยกไฟแดงที่มีป้ายหินใหญ่เขียนว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล ตรงแยกนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีเศษกรวดละเอียดเต็มไปหมด ถ้ามาเร็วแล้วเบรกกระทันหันอาจทำให้รถล้มได้ง่ายๆ จากนั้นเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าไป ตรงไปตามป้ายเขือนขุนด่านได้เลย










YAMAHA EXCITER 150 EX มันเป็นรถที่ขับขี่ได้สนุกเร้าใจ ภายใต้เงื่อนไขที่นั่งสบายกว่ารถสปอร์ต ความมันส์ก็อยู่ตรงที่เป็นรถคลัตช์มือนี่แหละ มันให้ความรู้สึกแมนๆหน่อย เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำชุดนี้ก็เป็นชุดเดียวกับ YAMAHA YZF R15 ต่างกันก็ตรงชุดเกียร์ที่ทำมาให้ใช้งานครอบคลุม มีทั้งหมด 5 สปีด แบบสปอร์ต คือกดหน้าหนึ่งทีแล้วงั้ดขึ้นอีก 4 เกียร์ ระบบช่วงล่างก็เป็นโช้คอัพเทเลสโคปิคคู่หน้าและ MONO โช้คอัพหลัง จุดเด่นอยู่ตรงที่ช่วงล่างต่ำเลียดพื้น จึงทำให้การจิกเกาะเข้าโค้งทำได้ง่าย เสียก็ตรงที่พอมันต่ำมากเวลาเข้าโค้งแรงๆนี่พักเท้าครูดพื้นตลอด แต่ก็นั่นอีกแหละมันทำให้การเข้าโค้งมั่นคงกว่ารถทั่วๆไป อีกทั้งยางที่ใส้คู่กับวงล้อเแม็กซ์ก็ใหญ่ถึง 140  อัดตราเร่งรอบต้นก็กำลังดี จาก 0-100 นี่พริ๊บตาเดียว ทางตรงยาวเกือบร้อยกิโลเมตรจากรังสิต งานนี้เราเลยขับขี่กันแบบไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ ก็เล่นอัดหมดปลอกยาวมาเลย















ทางขึ้นเขื่อนขุนด่านไม่เก็บค่าเข้า เราก็ขี่รถขึ้นไปได้เลย ทางขึ้นจะเป็นโค้งน้อยใหญ่ และก็ชันพอสมควรบนนั้นจะมีที่จอดรถอยู่ด้านบน พร้อมกับร้านค้าของฝากมากมาย ตรงขอบทางริมเขื่อน หรือจุดชมวิว เลยขึ้นไปจะเป็นเขตอุทธยานป่าไม้ คืนนี้เราจะไปขอนอนกันที่นั่นแหละ (สำหรับใครที่อยากมาตรงนี้ ต้องทำเรื่องขอใช้พื้นที่กับกรมป่าไม้สำนักงานใหญ่ ที่ถนนพหลโยธิน ตรงตัดกับแยกเกษตร)เราขี่รถตามทางเข้ามา และขึ้นเนินเขาไปอีกนิดหน่อย ก็เจอกับบ้านพักเจ้าหน้าที่อุทธยาน ที่หน้าบ้านพักมีธงชาติอยู่กับแท่นที่ยื่นออกไปเป็นรูปหัวเรือ หันหน้าเข้าหาตัวเขื่อน พื้นทั้งหมดถูกลาดด้วยยางมะตอย ไม่มีส่วนที่เป็นดินอยู่ แต่ติดกันหลับบ้านพักเจ้าหน้าที่เป็นกำแพงดินสูงและเต็มไปด้วยต้นไม่รก เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่านอนทางนั้นไม่ได้เพราะดึกๆอาจจะมีงูเลื้อยลง เดี๊ยวผมช่วยไม่ทัน ให้เรามานอนกันตรงแถวๆธงชาติซึ่งมีแสงไปส่องสว่างตลอดคืน 












ผมนำเอาชุดอุปกรณ์กางเต็นท์และเครื่องครัว พร้อมกับวัตถุดิบซึ่งก็เพิ่งแวะซื้อขึ้นมาข้างทางก่อนจะขึ้นมานี่แหละ เอาแบบง่ายๆผักกับไข่เอามารวมกับบะหมี่ที่เตรียมมาจากบ้าน ครับผมเมนูนี้มีชื่อว่า "ผัดมาม่า" นั่นเอง แสงอาทิตย์คล่อยต่ำลงกระทบกับผิวน้ำและมีเรือวิ่งผ่านเป็นระยะ มันเป็นภาพที่สวยงาม อากาศค่อยๆเย็นลงที่ละน้อย อยู่บนนี้เราอาศัยขอใช้ห้องน้ำของเจ้าหน้าที่ เพื่ออาบน้ำทำธุระต่างๆ ตกดึกฟ้าโล่งผมจับเอาเจ้า EXCITER 150 ตัวเก่งมาถ่ายคู่กับหมูดาวสักหน่อย ก่อนที่จะกลับมานอนพักผ่อน













จริงๆแล้วตรงทางเข้านี้ถูกปิด สำหรับชาวสองล้อที่เคยมาเที่ยวจะรู้ดีว่าตรงนี้ถ่ายรูปคู่กับรถสวยมาก และที่เสาไฟเองยังมีสติ๊กเกอร์คลับต่างๆที่เคยมาเยือนแล้วแปะเอาไว้อยู่  แต่ด้วยมีเหตุการณ์จากคนหรือกลุ่ม เพียงกลุ่มเดียว ดันเอารถมายกล้อเล่นแล้วขี่ไปชนนักท่องเที่ยว เป็นเหตุให้ทางตรงนี้ถูกปิดอย่างถาวร ฉะนั้นแล้วเวลาไปเที่ยวกันก็อย่าลืมตัวว่าเรากำลังอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ที่ต้องใช้และช่วยกันดูแลร่วมกันด้วยนะครับ





















เช้าตรู่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเตรียมทำหารหารเช้าง่ายๆก่อนลงไปชมความงามของเขื่อนแบบเต็มๆตา สำหรับใครที่แวะมาเที่ยวที่นี้เขามีรถบริการสำหรับชมเขื่อนทั้งเช่ารถกลอฟ์ขับเองในราคา 350 บาทต่อชั่วโมง หรือจะเอาเป็นรถกระเช้านั่งเป็นรอบก็มีคิดคนละ 30 บาท ใครที่มาถึงที่จะต้องเข้าไปสักการะศาลเจ้าพ่อขุนด่าน ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัล  นายด่าน ขุลพลผู้คอยปกปักดูแลเมืองนครนายก ในสมัยกรุงศรีอยุทธยา ก่อนที่จะเดินชมความงามของเขื่อน จากนั้นก็กลับย้อนมาพักชิมกาแฟ "ขุนด่าน คอฟฟี่" ก่อนที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับ กทม.