เพิ่งเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการไปสดๆ ร้อนๆ กับมอเตอร์ไซค์ไฮบริดคันแรกของไทย All New Yamaha Grand Filano Hybrid (ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด) เมื่อวานนี้ ถือได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนโฉมแบบ All New และพร้อมที่จะมาทำตลาดแทนที่ Grand Filano (ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่) โฉมปัจจุบัน ในวันนี้ทาง MotoRival ขอพามาเจาะลึกเปรียบเทียบกับตัวเก่ากันว่ามันมีอะไรแตกต่างจากเดิมกันบ้าง รวมไปถึงการทำงานของระบบไฮบริด ว่าทำงานกันยังไง มาชมกันใน รีวิว Yamaha Grand Filano Hybrid ใหม่ (ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด) คันนี้กันเลยครับ
จากที่เราได้เขียนข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่า Yamaha Grand Filano Hybrid (ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด) เปิดตัวได้กัน 2 รุ่น คือ Standard และ ABS ซึ่งออปชั่น จะแตกต่างกันรวมไปถึงราคา โดยคันที่เราได้มารีวิวคันนี้เป็นรุ่น Standard ซึ่งจะมีให้เลือกด้วยกัน 5 สี เขียว/เทา, แดง/ดำ, ดำ, ขาว/เทา, เหลืองเทา มีราคาแนะนำ 55,500 บาท
ขณะที่รุ่น Grand Filano Hybrid ABS จะมี 2 สี คือ เทาและน้ำเงิน โดย มีราคาแนะนำ 62,000 บาท ซึ่งมีออปชั่นเพิ่มเติมจากรุ่น Standard คันที่เราได้รับมานี้ คือ เบาะเป็นสีน้ำตาล, ชุดกุญแจเป็นแบบ Smart Key System (Keyless) และ เพิ่มระบบเบรก ABS
กลับมาที่คัน Standard ที่เราได้ทดสอบกันครับ เพื่อให้เห็นกันชัดๆ เราจึงหยิบ Grand Filano (แกรนด์ ฟีลาโน่) โฉมเก่า ซึ่งเป็นรถของทีมงานเรามาร่วมถ่ายทำด้วย
เริ่มกันที่เรือนไมล์ดิจิทัลจอสี TFT ปรับทรงใหม่ในส่วนของเข็มวัดความเร็วด้านบน ขณะที่จอแสดงผลดิจิตอลด้านล่างเปลี่ยนมาใช้แบบจอสี TFT แสดงเกจ์น้ำมันด้านซ้าย ด้านขวาเป็นแบบ Eco Guide บ่งบอกการขี่ว่าขี่ได้ประหยัดมากน้อยเพียงใด โดยระดับสูง คือ ยิ่งขี่ได้ประหยัด ส่วนตรงกลาง แสดงผลสถานะการทำงานของไฮบริด, นาฬิกา, ODO, Trip, ประจุแเบตเตอรี่
ไฟหน้า ปรับใหม่ จากหลอด Halogen มาใช้แบบ Full LED
ไฟเลี้ยวด้านหน้าปรับรูปทรงใหม่ คล้ายรถสกูตเตอร์ จากยุโรป
ไฟท้าย LED เช่นเดิม แต่ปรับรูปทรงใหม่เล็กน้อย พร้อมยกตำแหน่งให้สูงขึ้น เพื่อทัศนวิสัยของผู้ที่ขับขี่ตามมาทางด้านหลัง ไฟเลี้ยวหลัง มีขนาดแหลมเรียว แคบลงคล้ายเมล็ดข้าว
โลโก้ BLUE CORE จาก บั้นท้ายถูกยกมาติดไว้ที่ชุดแผงคอด้านหน้า
ชุดแฟริ่งหน้า รวมถึงกาบข้างปรับใหม่ บอดี้เรียบเนียนบริเวณรอยต่อไร้น็อตไม่มีให้เห็นพร้อมทั้งใช้พลาสติกพรีเมี่ยมประเภท ABS ทั้งคัน
โลโก้ Yamaha และ Grand Filano ที่เป็น Emblem แบบยาง ในรุ่นเดิม ปรับเปลี่ยนใหม่ ดูหรูหรายิ่งขึ้น
ขณะที่แฟริ่งข้างลำตัวมองเผินๆ อาจจะคล้ายเดิม แต่ที่จริงปรับเปลี่ยนใหม่ เช่นเดียวกัน
Floor Board ปรับใหม่ พร้อมปิดรูยึดน็อต เก็บงานเรียบเนี๊ยบขึ้น
ที่ชุดสวิทช์ไฟขวา จะติดตั้งระบบ Stop & Start System มาให้ (รุ่นเก่าไม่มี) โดยถ้าหากเราขี่ใช้งานในสภาวะการจราจรติดขัด (ความเร็วไม่คงที่ มีการเปิดปิดคันเร่งตลอดเวลา) ตัว Start Generator Control Unit หรือ SGCU จะสั่งเครื่องดับลง เมื่อจอดรถนิ่งเกินกว่า 5 วินาที แต่ถ้าขี่ระยะไกล (ใช้ความเร็วคงที่เป็นระยะเวลาหนึ่ง) ใช้เวลาจอดเพียง 1.5 วินาทีเท่านั้น เครื่องถึงจะดับ ซึ่งหลังจากที่ติดตั้งระบบนี้เข้ามาแล้ว Yamaha ได้ให้ข้อมูลกับเราว่า มันจะช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลงไปได้ถึง 9%
มองต่ำลงมาใกล้ๆ กับชุดบิดกุญแจ มีการเพิ่มช่องจ่ายไฟ AC Socket สำหรับชาร์จแบตมือถือได้
สำหรับตัวแบตเตอรี่ มีการปรับใหม่ จากเดิมใช้ 3.5 A หันมาใช้เป็น 5 แอมป์ ใน Grand Filano Hybrid Standard สำหรับรุ่น ABS จะให้แบตมา 6 แอมป์
ด้านมิติรถ Yamaha Grand Filano Hybrid
กว้าง x ยาว x สูง = 685 x 1,820 x 1,150 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ = 790 มม.
ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง = 125 มม.
ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ = 1,280 มม
น้ำหนัก 101 กก. (รุ่น STD) และ 102 กก. (ABS)
ถังน้ำมันจุ 4.4 ลิตร
สรุปแล้วมิติเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด แค่ สูงกว่าเดิม 5 มม. และ นน. หนักขึ้นอีก 2 กก. (รุ่น STD) และ 3 กก. (ABS)
เครื่องยนต์สูบเดียว125cc BLUE CORE มาพร้อมกับระบบไฮบริดเสริมกำลังด้วย "SMART MOTOR GENERATOR" ที่ถูกสั่งการโดย SGCU ช่วยส่งกำลังในจังหวะบิดคันเร่งออกตัว โดยทาง Yamaha เคลมอัตราเร่งว่าดีขึ้น 7% (จากการทดสอบของทีมงาน Motorival Yamaha Grand Filano Hybrid กินน้ำมัน 55.5 กม./ลิตร จากโมเดลเดิม 50.9 กม./ลิตร)
เอาล่ะมาเข้าที่รายละเอียดของเครื่องยนต์ไฮบริดนี้กันดีกว่าครับ
ในโมเดลเดิม การติดเครื่องยนต์ จะมีชุดไดสตาร์ท แต่ใน Grand Filano Hybrid (แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด) จะถอดออก ใช้ตัว Smart Motor Generator เป็นตัวติดเครื่องยนต์แทน ซึ่งจะส่งผลให้สตาร์ทได้เงียบ เนียนขึ้น นอกจากนี้เครื่องยังมีขนาดเล็กลง และน้ำหนักที่เบาลงอีกด้วย
การทำงานของระบบ Hybrid Power Assist (Smart Motor Generator) นี้จะช่วยเต็มที่ได้ 3 วินาที หรือ
ไม่เกิน 4,000 รอบ (แล้วแต่ว่าเงื่อนไขใดเกิดก่อน) จะทำงานเฉพาะตอนออกตัว จาก 0 กม./ชม. (หยุดนิ่ง) เท่านั้น
หากเราขี่ออกตัวแบบค่อยๆ เปิดคันเร่งมอเตอร์จะไม่ช่วยส่งกำลัง จะต้องเปิดคันเร่งทันทีขณะออก (สังเกตได้จากจอ TFT ถ้ามีไฟสีขาว แว้บขึ้นนั่นคือ Smart Motor Generator ช่วยเสริมกำลังของเครื่องยนต์ขณะออกตัว) หรือ หากเราขี่ด้วยความเร็วคงที่ หรือ ผ่อนคันเร่งลงมาต่ำกว่า 6,000 rpm และจู่ๆ ต้องการอัตราเร่งกระแทกคันเร่งหมดปลอก มอเตอร์ก็จะไม่ทำงาน เพราะตามที่กล่าวไป จะช่วยเฉพาะตอนออกตัวจากหยุดนิ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ หากต้องการประสิทธิภาพในการออกตัวจาก Smart Motor Generator สูงสุด เมื่อระบบ Stop & Start System ทำงาน คือ เมื่อเครื่องหยุดทำงาน ต้องบิดคันเร่งเล็กน้อยให้เครื่องยนต์ทำงาน และบิดคันเร่งทันทีเพื่อออกตัว หรือ ปิดระบบ Stop & Start System ก็จะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับฟีลลิ่งในด้านการขี่ใช้งานจริง ขอสรุปเลยว่า แทบไม่แตกต่างจากเดิม จุดที่พัฒนาได้ดีขึ้น คือ จังหวะสตาร์ทในตอนเริ่มต้น เงียบลงกว่าเดิม และสั่นน้อยกว่าเดิม ในจังหวะขี่ เครื่องยนต์ มีอาการสั่นสะเทือนน้อยลงกว่าโมเดลเดิมอย่างรู้สึกได้
การดูแลและรับประกัน 3 ปี ในส่วนของระบบเครื่องยนต์ไฮบริด หรือ 30,000 กม.
ส่วนระบบชิ้นส่วน เสื้อสูบไดอะซิล ลูกสูบ แหวนสูบ และระบบหัวฉีดรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. (ขึ้นกับว่าอะไรถึงก่อน)
จุดที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการ Service ที่เพิ่มขึ้นหลักๆ คือ ในส่วนของแบตเตอรี่ที่ต้องใช้ลูกใหญ่ที่มีประจุมากขึ้นเท่านั้น จากเดิม ราคาประมาณ 500 กว่าบาท จะเพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณ 900 กว่าบาท หรือเรียกได้ว่ามีต้นทุนในการดูแลเพิ่มอีกประมาณ 400 บาทเท่านั้น
สรุป รีวิว Yamaha Grand Filano Hybrid ใหม่ คันนี้ ที่เป็นรุ่น Standard เทียบแล้วราคาแพงกว่าเดิม 3,500 บาท เรียกได้ว่า แค่ระบบไฟหน้า LED, แฟริ่ง ปรับใหม่, หน้าจอสี TFT ก็คุ้มค่าแล้ว
แม้ระบบไฮบริด จะเข้ามาช่วงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในช่วงออกตัวจากหยุดนิ่ง กับการเพิ่ม Stop & Start System ที่เข้ามาซึ่งจะช่วยให้อัตราประหยัดดีขึ้นอีกเล็กน้อย
ขอบคุณ Thai Yamaha Motor สำหรับ Yamaha Grand Filano Hybrid ใหม่ ในรุ่น Standard สีแดง