มารู้จักกับตัวรถ Yamaha Grand Filano Hybrid กันก่อน
Grand Filano Hybrid นั้นมาในการออกแบบดีไซน์ตัวรถกันใหม่ มีการปรับมิติของตัวรถให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดความคล่องตัวในการใช้งาน โดยเฉพาะกับในเมืองและยามการจราจรที่ติดขัดระบบไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED ตามสมัยนิยมเรียบร้อยแล้วที่สำคัญก็คือหน้าจอแสดงผลสีแบบTFTใหม่ซึ่งนอกเหนือไปจากจะแสดงค่าต่างๆของตัวรถแล้วยังแสดงผลการทำงานของระบบHybrid ส่วนทางด้านเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบหัวฉีด Blue Core ขนาด 125ccลูกใหม่ที่มีน้ำหนักลดลงถึง 840 กรัม ที่เน้นการประหยัดน้ำมัน ระบายความร้อน และมีความทนทานมากเป็นพิเศษ มีระบบสมาร์ทมอเตอร์เจเนเรเตอร์ (SMG) ที่เป็นการผสานการทำงานร่วมกับระบบสาตร์ทเครื่องยนต์และผลิตกระแสไฟฟ้าในชุดเดียว จึงไม่เกิดเสียงขณะสตาร์ทเครื่องยนต์พ่วงกับระบบ One-Push Start system ที่ใช้เวลาในการสตาร์ทเครื่องยนต์เพียงแค่ 0.2 วินาทีเท่านั้น เพียงปลายนิ้วสัมผัส อีกทั้งยังมีระบบ Stop & Start System (SSS) ที่รถจะดับเองขณะจอดตามเงื่อนไข และเพียงแค่เราบิดคันเร่งเครื่องยนต์ก็จะติดและวิ่งออกไปได้แบบอัตโนมัติและมีระบเบรก ABS สำหรับรุ่น Top
และหัวใจสำคัญของ Grand Filano Hybrid ก็คือระบบ Hybrid (Power Assist) ที่ผสมการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ในขณะที่ออกตัวเมื่อเปิดคันเร่งให้กับเครื่องยนต์ในขณะที่ออกตัว เมื่อเปิดคันเร่งทันทีเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะผสานการทำงานร่วมกัน ทำให้รถมีแรงบิดเพิ่มขึ้น โดยแสดงผลผ่านหน้าจอเรือนไมล์ ซึ่งเงื่อนไขในการทำงานก็คือ
1.เมื่อระบบหัวฉีดทำงานปกติหรือเครื่องยนต์ตำ่กว่า 4,000 รอบต่อนาที
2.เมื่อความเร็วของรถเกือบหยุดนิ่ง
3. แบตเตอรี่มีแรงเคลื่อนมากกว่า 10.5 v
4. เมื่อเปิดคันเร่งทันที
ระบบ Hybrid ก็จะทำงาน ช่วยเพิ่มแรงบิดให้กับตัวรถมากขึ้นกว่าเดิม และในจังหวะนั้นก็จะประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยนั่นเอง ซึ่งตรงนี้จะเป็นการใช้แบตเตอรี่แบบปกติเพียง 1 ลูก แต่จะเพิ่มขนาดความจุของตัวแบตเตอรี่เข้ามาให้มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นแล้วเรื่องการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนเราก็สามารถทำได้เหมือนกับแบตเตอรี่รถปกติทั่วไป
ทดสอบขับขี่ Yamaha Grand Filano Hybrid
สำหรับเส้นทางที่ทาง GreatBiker ได้มีโอกาสไปทดสอบกันนั้น จะเป็นที่เขาใหญ่ ซึ่งถนนมีความคดเคี้ยวและลาดชันในบางช่วง จังหวะแรกที่เราออกตัวและมีการทำงานของระบบไฮบริดอย่างมอเตอร์ไฟฟ้านั้น รู้สึกได้เลยว่าตัวรถพุ่งมากกว่าเดิมชัดเจน เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเราวิ่งกันจริงๆ ก็จะยังคงเป็นการทำงานของเครื่องยนต์อยู่ส่วนใหญ่ ซึ่งก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของทาง Yamaha อยู่แล้ว ดังนั้นจะเท่ากับว่าระบบ Hybrid จะมาช่วยจริงๆ ก็เฉพาะในช่วงของการจอดนิ่งๆ แล้วออกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะปกติแล้วรถออโตเมติกบางคันมักจะมีปัญหาเรื่องการออกตัวที่บางครั้งจะอืดๆ ไปบ้าง ก็นับว่าตอบโจทย์ แก้ไขปัญหาในประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนสิ่งที่ประทับใจมากที่สุดจริงๆ ของ Yamaha Grand Filano Hybrid นั้นก็คือการเซ็ทช่วงล่างมาใหม่ ที่หนึบแน่นและมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม บวกกับการบาลานซ์ตัวรถที่หน้ารถนั้นไม่ไวและเบามากจนเกินไป ทำให้สกู๊ตเตอร์ที่ดูจะออกแนวขี่ชิลๆ แบบนี้ หากจะอยากลองซัดกันในโค้งแบบยาวๆ ก็ทำได้ไม่ขัดเขินแต่อย่างใด สำหรับระบบเบรก ABS ในรุ่นท็อปที่มีในล้อหน้านั้น ก็ถือว่าตอบสนองได้กำลังดี ส่วนงานประกอบโดยรวมของตัวรถก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม มีการเก็บซ่อนหัวน็อตในหลายๆ จุดไม่ให้โผล่ออกมากวนสายตาแล้ว นับว่าเพิ่มความพรีเมี่ยมให้มากกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด
ภาพรวมของ Yamaha Grand Filano Hybrid
หากเราจะมองว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์ที่จะต้องมีระบบ Hybrid แบบซับซ้อนซ่อนเงื่อน และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูงแล้วนั่นก็ถือว่าผิดไปจากความเป็นจริงเยอะทีเดียวเพราะว่าYamaha Grand Filano Hybrid นั้นถูกนำมาแทนไลน์การผลิตเดิมเป็นหลัก นั่นก็คือราคาที่เปิดออกมากับตัวเริ่มต้น 55,000 บาท และตัวท็อป 62,000 บาทนั้น ดูแล้วก็ยังเป็นรถที่สามารถจับต้องได้ง่ายเหมือนเดิม มันจึงเป็นรถ Hybrid ที่ทำความเข้าใจในหลักการทำงานได้ง่ายๆ แต่ก็ช่วยในการออกตัวให้ดีขึ้นแบบเห็นภาพชัดเจน กับราคาการซ่อมบำรุงตัวรถที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากรุ่นปกติก่อนหน้านี้ (แบตเตอรี่ที่ก้อนใหญ่ขึ้นแพงกว่าเดิมไปประมาณสองสามร้อยบาท) มันจึงเป็นรถที่เหมาะสมให้เหล่าผู้ใช้งาน เข้ามาสัมผัสกับเทคโนโลยีไฮบริดกันได้แบบทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมืองเป็นหลักนั้นก็เหมาะสมเอามากๆ เพราะเรามีจังหวะที่จะต้องจอดและออกตัวกันอยู่บ่อยๆ บวกกับงานประกอบ, ช่วงล่าง และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ดีขึ้น บอกเลยว่ากับราคานี้ คุ้มครับ!