จากการตะลุยเส้นทางโหดๆจากเมืองคองมาถึงสันป่าเกี๊ยะ อ.เชียงดาว ในช่วงหนาวแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่สนุกและได้ความฟินน์ที่แตกต่างจากการเดินทางหลายๆครั้งด้วย ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ที่ผ่านมาของผม กับเส้นทางที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างก็ใช้รถในแนวนี้ตกแต่งเป็นรถวิบากเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน และเมื่อพวกเราได้ใช้รถยามาฮ่า (Yamaha Finn) เดินทางในเส้นทางนี้ก็ได้พบว่าถึงแม้ในบางช่วงที่ค่อนข้างหนักเอาการก็สามารถผ่านมาได้อย่างไม่ยากเย็นมากนัก (ติดตามได้จากใน EP.2)
|
|
และในจุดนี้เองที่เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในอำเภอเชียงดาว นั่นก็คือ สันป่าเกี๊ยะ ดอยแม่ตะมาน ต้องบอกเลยว่าหากหนาวๆแบบนี้จะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่หลายๆคนต้องคิดถึง ผมเองก็เคยมานอนที่นี่อยู่บ่อยครั้งก็ยังไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย ผมมาถึงที่นี่เกือบเย็นแล้วจากลุยเส้นทางมาอย่างหนักหน่วง จากจุดชมวิวในหมู่บ้านเดินทางต่ออีกราวๆไม่กี่กิโลเพื่อไปยัง สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ เพื่อนอนพักกันที่นี่ครับ
|
|
สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ มีบริการห้องพักและสถานที่กางเต็นท์ที่ผมต้องบอกว่าไม่แพง ค่ากางเต็นท์หลังเล็ก 100 บาท หากหลังใหญ่คนละ 50 บาท ส่วนบ้านพักพร้อมเครื่องนอน มีห้องน้ำในตัว ราคาหลังละ 1,000 บาท สามารถนอนได้ 4-5 คน ซึ่งต้องบอกว่าราคาไม่แพงครับ แต่หากใครจะมาในช่วงหน้าหนาวแนะนำต้องจองกันตั้งแต่เนิ่นๆครับ ซึ่งโชคดีที่พวกเราได้จองกันไว้ล่วงหน้าแล้วจึงได้บ้านพักครับ
|
|
|
ข้างในห้องพักก็ง่ายๆ ที่นอนวางกับพื้น สามารถย้ายไปย้ายมาได้ แค่นี้ก็เรียกได้ว่าดีมากๆแล้วครับ และได้อารมณ์ที่คลาสสิคดีด้วยครับ สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ มีเอกลักษณ์คือสามารถมองเห็น ดอยหลวงเชียงดาว ได้อย่างเด่นชัด ส่วนตัวผมมองว่าที่นี่มีมุมมองของดอยหลวงเชียงดาว ที่สวยที่สุดแล้วก็ว่าได้ครับ
|
|
|
ช่วงค่ำๆที่ สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ก็ยังสามารถเห็นแสงไฟจากตัวอำเภอเชียงดาวได้อย่างชัดเจน และในวันนี้ โชคดีที่มีพระจันทร์พอดี เรียกได้ว่าบรรยากาศดีๆกับอากาศเย็นๆแบบนี้หาได้ไม่บ่อยนัก พวกผมฟินน์กับบรรยากาศที่นี่เลยครับ นอนหลับลงท่ามกลางความหนาวที่ทำเอาต้องได้ใช้ผ้าห่มคนละสองสามผืนถึงจะเอาอยู่ครับ ใครที่ชอบเสพความหนาวต้องชื่นชอบแน่นอนครับ
|
ฟินน์ไปกับความเหน็บหนาวทั้งคืน ตื่นเช้ามายิ่งฟินน์กว่า ด้วยแสงสีทองที่เริ่มค่อยๆสาดลงมาที่ ดอยหลวงเชียงดาว ท้องฟ้าสีส้มแดงผสมเข้ากับสีฟ้าของท้องฟ้าได้อย่างสวยงาม เหลือบไปเห็นเต็นท์ที่มีคนมากางนอนเมื่อคืน ผมนี่ยังรู้สึกหนาวแทนเลยครับ
|
|
พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ออกมายิ่งทำให้เผยความสวยงามของที่นี่มากยิ่งขึ้น พระอาทิตย์สีแดงดวงโต ที่สาดแสงสีทองลงมากระทบดอยหลวงเชียงดาว มันช่างสวยงามจริงๆครับ ผมถึงกล้าพูดว่าที่นี่เป็นจุดที่ชมวิวดอยหลวงเชียงดาวได้สวยที่สุดในอำเภอเชียงดาวเลยครับ
|
ฟินน์ไปกับธรรมชาติจนเต็มอิ่ม ก็ได้เวลาควบยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ออกไปทำภาระกิจกันต่อ กับการเข้าไปมอบของให้เด็กๆ ในโรงเรียนที่ห่างไกลที่สุดท้ายในทริปนี้ครับ ซึ่งเส้นทางจาก สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ไปยัง โรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ทางก็ต้องได้อาศัยช่วงล่างของตัวรถในการลุยพอสมควร อีกทั้งในบางช่วงก็เป็นการลงเนินที่ค่อนข้างชัน Engine Brake ของรถก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้การเดินทางทำได้ดีและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ
|
|
|
โรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ โรงเรียนที่ตั้งอยู่บนภูเขา ที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นโรงเรียนที่มีโลเคชั่นที่สวยงามและมีเอกลักษณ์จริงๆครับ
|
|
ระหว่างทางก่อนถึงโรงเรียนเป็น หมู่บ้านสันป่าเกี๊ยะ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงมีวิถีการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ที่พวกเราสามารถเข้าไปพูดคุยและทำความคุ้นเคยได้ไม่ยากนัก เห็นคุณยายเอาหลานตัวน้อยสะพายหลัง และทำงานไปด้วยดูแล้วแลดูอบอุ่นจริงๆครับ
|
|
เมื่อถึงโรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ น้องๆเดินออกมาเป็นแถวเพื่อรอรับของที่เราเตรียมมาแจกให้น้องๆครับ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยากจริงๆ น้องๆรับของและยิ้มให้อย่างเป็นธรรมชาติ ต้องบอกเลยครับว่าทริปนี้เป็นทริปที่พวกผมฟินน์กันมากที่สุดตั้งแต่ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ )Yamaha Finn) ออกทริปเลยก็ว่าได้ครับ
|
|
|
|
ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวมากมายก็มักจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน อยู่ที่เราจะเลือกเก็บเอาความรู้สึกแบบไหนเข้ามาในความทรงจำที่ดีๆของเราครับ ทริปนี้มันคือความสุข และความฟินน์ จากแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากกว่าการเห็นตึก อาคาร ของรีสอร์ทเต็มม่อนดอยเหมือนหลายๆพื้นที่ในประเทศไทย ความฟินน์จากรอยยิ้มน้อยๆของเด็กๆในหลายๆพื้นที่ๆเราได้เข้าไปเยือน ได้เข้าไปสัมผัส มันคือความฟินน์และความสุขมากจริงๆครับ
|
|
การตะลุยเข้ามาในเส้นทางที่พิสูจน์ทั้งสมรรถนะของเจ้ายามาฮ่าฟินน์ (Yamaha Finn) ให้ได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เพียงการใช้งานในเมืองที่คล่องตัวเท่านั้น เมื่อนำเอาเข้ามาขับขี่แบบฮาร์ดคอร์ ในแนวป่าแบบนี้ ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) ก็ทำได้ประทับใจจริงๆครับ กับการตะลุยมาอย่างหนักเป็นที่น่าแปลกใจก็คือน้ำมันใช้ไปยังไม่หมด 1 ถัง ทั้งการดันขึ้นเขาชันๆ ใช้รอบเครื่องสูงๆเพื่อสู้กับเส้นทางแบบนี้ ต้องยกนิ้วให้เลยครับ
ต้องขอขอบคุณทาง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่ให้ยืมรถยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha Finn) เพื่อนำมาสัมผัสกับความฟินน์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่พวกผมแทบไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้บ่อยนัก ซึ่งหวังว่านักท่องเที่ยวยุคใหม่ ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวในแบบ Unique Travellers ที่กำลังมองหาเส้นทางการเดินทางแบบนี้ และอยากสัมผัสกับความฟินน์แบบนี้ ได้มีโอกาสได้ควบรถคู่ใจแล้วออกไปลองท่องเที่ยวกันครับ ไว้ทริปหน้าพวกเราจะไปกันที่ไหน ไว้ติดตามพวกเราได้เลยนะครับ
กดเช็ครายละเอียดยามาฮ่า ฟินน์ ได้ที่นี่
|