สวัสดีครับเพื่อนๆตอนนี้ก็เริ่มเข้าหนาวกันอย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งเมื่อเข้าหนาวทีไรต้องได้เห็นเพื่อนๆพากันออกไปท่องเที่ยว ขี่มอไซค์กันไปเป็นกลุ่มเป็นก๊วน หาที่เที่ยว กางเต็นท์ เพื่อสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นจับใจ ซึ่งก็มีแหล่งท่องเที่ยวหลายที่มากๆที่คนชอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยว และแน่นอนสถานที่ๆคนนิยมเดินทางไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวก็หนีไม่พ้นภาคเหนือของไทยเรานี่เอง ซึ่งมีที่เที่ยวมากมายหลายแห่งให้เลือกไปเที่ยวและสัมผัสกับอากาศหนาว
หากจะแค่มาเที่ยวรับลมหนาวบางครั้งก็อาจจะดูชิวๆเกินไป ผมก็เลยอยากจะมาขอแนะนำการท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่งในช่วงหนาวนี้ ซึ่งมันน่าจะทำให้ทริปการเดินทางท่องเที่ยวของคุณในหนาวนี้มีสีสันมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะทำให้ความรู้สึกของคนที่เรารักที่ซ้อนท้ายมาเที่ยวด้วยกันมีชีวิตชีวามากขึ้นก็เป็นไปได้ครับ
ตามล่าดอก
“พญาเสือโคร่ง” หรือคนจะเรียกกันว่าดอก
“ซากุระเมืองไทย” ที่หลายๆคนชื่นชอบและหลงไหลในความสวยงาม ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสที่จะได้สัมผัสกับดอกพญาเสือโคร่งมีแค่
“ปีละครั้ง” ซึ่งจะเป็นช่วงฤดูหนาวเท่านั้น และที่สำคัญดอกพญาเสือโคร่งไม่ได้ออกดอกทั่วไป เพราะพญาเสือโคร่งจะออกดอกช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ และจะพบทั่วไปบนภูเขาตั้งแต่ความสูง 1,200-2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล นั่นแปลว่าสถานที่ไปต้องไม่ธรรมดาและต้องหนาวแน่นอน และเมื่อดอกบานเต็มที่จะมีอายุได้ไม่นานนั่นจึงทำให้มีความท้าทายเข้าไปอีกมากครับ
งานนี้ผมจึงอยากที่จะตระเวณออกตามล่าดอกซากุระเมืองไทยมาให้เพื่อนๆได้สัมผัสกันไม่ว่าจะกับดอกที่กำลังเริ่มบานและบรรยากาศของสถานที่ๆสามารถไปสัมผัสกับดอกพญาเสือโคร่งได้ เพื่อที่เพื่อนๆจะยังมีเวลาในการออกไปสัมผัสกับดอก “พญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” กันครับ
การเดินทางของผมในครั้งนี้เลือกเดินทางด้วยรถ YAMAHA Qbix ด้วยความสะดวกสะบายในการเดินทาง และผมไม่ได้รีบมากต้องการเดินทางไปวันละที่เพื่อเสพกับบรรยากาศให้เต็มที่ เจ้า YAMAHA Qbix ใต้ท้องถูกยัดไปด้วย ถุงนอน, อุปกรณ์กล้อง เลนส์นับ 5 ตัว และขาตั้งกล้อง ซึ่งทำให้ไม่ต้องมาพะรุงพะรังกับของที่เอาไปในทริปนี้ จะมีแค่เต็นท์ที่ต้องมัดไว้ท้ายรถ เห็นแบบนี้ YAMAHA Qbix ก็มัดของติดท้ายรถได้สบายแน่นหนาจริงๆ ส่วนตัวรถ YAMAHA Qbix เองก็เพิ่งผ่าน 1,000 กิโลมาหมาดๆ งานนี้เครื่องฟิตๆพร้อมลุยกันเลย
สถานที่แรก “ดอยอ่างขาง” อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ผมเลือกเดินทางตามข่าวของผู้ที่ชื่นชอบดอกพญาเสือโคร่งว่าที่ไหนเริ่มบานบ้างแล้ว ผมจึงวางแผนการเดินทางไปที่นั่นก่อนครับ ดอยอ่างขาง เป็นที่แรกที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ครับ สำหรับระยะทางในวันแรกอยู่ที่ราวๆ 190 กิโลเมตรครับ โดยผมออกเดินทางแต่เช้าจากเชียงใหม่ ขับขี่ไปเรื่อยๆยืนพื้นช่วงความเร็วราวๆ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงผ่านการจราจรรถติดในเมืองเวลาจอดติดไปแดง ตัวเครื่องยนต์ของเจ้า YAMAHA Qbix ก็จะดับลงด้วยระบบ Stop & Start system เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันได้ในช่วงการจราจรคับคั่งได้พอสมควรครับ
เมื่อเดินทางมาถึงอำเภอเชียงดาว เหลือบไปเห็นป้ายใหญ่ๆ
“ร้านอาหารไทย CHIANG DAO RESTO” ก็ขอจัดกาแฟแก้ง่วงยามเช้าสักหน่อยครับ กะจะนั่งพักสักครู่แต่เห็นกาแฟทำหน้าตามาน่าทานแถมมีขนมเค้กหน้าตาสวยๆ ก็เลยต้องสั่งมานั่งกินคู่กันทำเอานั่งเพลินๆไปร่วมชั่วโมงเหมือนกัน
สำหรับร้าน
CHIANG DAO RESTO เป็นร้านอาหารไทยและมีเครื่องดื่มพวก ชา กาแฟ จำหน่ายด้วย ราคาก็กลางๆไม่ถูกไม่แพงครับ หากใครผ่านมาก็ลองมาแวะทานดูได้ครับ ผมเดินทางต่อโดยมุ่งตรงไปยังดอยอ่างขาง ซึ่งแน่นอนที่นี่ขึ้นชื่อมากในเมื่อของความลาดชัน ซึ่งเจ้า YAMAHA Qbix ก็สามารถขึ้นไปได้เรื่อยๆจนถึงยังดอยอ่างขางครับ ใครที่คิดว่ารถ YAMAHA Qbix เหมาะแค่เอาไว้ใช้ในเมืองคิดผิดแล้วครับ การยิงยาวๆมาเกือบ 200 กิโลเมตร แถมเจอทางชันๆที่ต้องเค้นเครื่องยนต์ขนาดนี้ ยังขึ้นมาได้ก็ไม่ธรรมดาแล้วครับ ซึ่งจุดที่ผมมุ่งตรงไปเลยก็คือจุดกางเต็นท์
“ขอบด้ง” ซึ่งในวันที่ผมไปเป็นวันธรรมดาจึงทำให้ลานกางเต็นท์โล่งสบายหูสบายตาจริงๆครับ
ซึ่งแน่นอนว่าที่นี่ดอกพญาเสือโคร่งได้เริ่มบานแล้วบางส่วน อาจจะด้วยอากาศที่เย็นจึงทำให้ดอกพญาเสือโคร่งเริ่มบานไว แน่นอนว่าผมกางเต็นท์นอนท่ามกลางต้นดอกพญาเสือโคร่ง แถมไม่พอพรุ่งนี้เช้าจุดที่ผมนอนอยู่ก็เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย งานนี้เรียกได้ว่า
“ฟินน์” สุดๆครับ
ซึ่งแน่นอนว่าที่นี่ดอกพญาเสือโคร่งได้เริ่มบานแล้วบางส่วน อาจจะด้วยอากาศที่เย็นจึงทำให้ดอกพญาเสือโคร่งเริ่มบานไว แน่นอนว่าผมกางเต็นท์นอนท่ามกลางต้นดอกพญาเสือโคร่ง แถมไม่พอพรุ่งนี้เช้าจุดที่ผมนอนอยู่ก็เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย งานนี้เรียกได้ว่า
“ฟินน์” สุดๆครับ
อากาศยามเช้าๆในช่วงราวๆ 6 โมงเช้า กับอากาศหนาวเย็นจับใจ กับหมอกบางๆที่ไม่เยอะมากในวันนี้ เป็นวันที่ผมนั่งชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยอ่างขางได้ฟินน์สุดๆจริงๆครับ นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังมีดาว จนแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เห็น บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้จากในเมืองแน่นอนครับ
เมื่อผมชื่นชมความสวยงามของวิวและแสงอาทิตย์ยามเช้าเสร็จ จึงได้ขี่เจ้า YAMAHA Qbix ขี่เลยจุดกางเต็นท์ไปอีกหน่อยเพื่อไปยังเขตชายแดนไทย-พม่า เพราะไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว
จากนั้นจึงได้ขี่รถเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่งที่กระจายตามดอยอ่างขาง ซึ่งในตอนนี้ดอกกำลังเริ่มบานซึ่งหากใครรีบมาเที่ยวที่นี่น่าจะมีดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งสีชมพูเต็มสองข้างทางดอยอ่างขางแน่นอน อยากจะบอกว่าที่นี่เป็นอีกที่ๆผมอยากแนะนำเพื่อนๆให้ขี่รถเที่ยวกันนะครับ
สำหรับที่ดอยอ่างขางนี้เป็นสถานที่ๆเหมาะมากกับการขี่มอเตอร์ไซค์พกเต็นท์มานอนและชื่นชมดอกพญาเสือโคร่งในช่วงฤดูหนาวแบบนี้นะครับ หากมาในช่วงที่ดอกบานเต็มที่จะยิ่งสวยกว่านี้ และยังมีจุดที่สวยๆอีกหลายจุดให้ไปถ่ายรูปกันครับ
เดี๋ยวเราเดินทางกันต่อดีกว่าครับเพราะยังมีอีกหลายที่ๆมีดอกพญาเสือโคร่ง ไปตามล่าซากุระกันต่อพร้อมกับผมนะครับ
“สันป่าเกี๊ยะ” อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เมื่อขี่รถเที่ยวที่ดอยอ่างขางจนหนำใจแล้วก็ได้เดินทางตามหาดอกซากุระเมืองไทย หรือ ดอกพญาเสือโคร่งกันต่อครับ และแหล่งข่าวของผู้รักดอกซากุระเมืองไทย ก็ระบุว่าที่บ้านสันป่าเกี๊ยะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ดอกพญาเสือโคร่งก็เริ่มบานแล้วจึงให้ที่นี่เป็นสถานที่ๆ 2 ในการเดินทางตามล่าซากุระในครั้งนี้ เพราะเป็นสถานที่ๆผมจะผ่านพอดีเมื่อกลับลงมาจากดอยอ่างขางเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ โดยสามารถเลือกได้ 2 ทางคือกลับทางเดิม หรือไปอีกเส้นทางหนึ่ง แน่นอนผมไม่กลับทางเดิมแน่นอน ขี่ไปอีกทางหนึ่งเพื่อเจออะไรใหม่ๆดีกว่าครับ
แต่ความสวยงามของดอยอ่างขางยังไม่หมดเพราะระหว่างเส้นทางกลับยังไม่ทันได้ลงจากดอยอ่างขางเลย ผมยังได้แวะ
จุดชมวิวม่อนสน ซึ่งเป็นจุดที่คนมากางเต็นท์นอนกันค่อนข้างเยอะ ด้วยที่นี่หากอากาศดีๆก็จะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกที่สวยงามครับ
เดินทางต่อกันดีกว่ามัวแต่ชมวิวเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน แต่ก็นั่นแหล่ะกับการขี่รถเที่ยวแบบชิวๆด้วย
YAMAHA Qbix ก็ทำให้มีเวลาได้ชื่นชมสองข้างทางจนอดไม่ได้ที่เห็นวิวสวยๆจะจอดแวะถ่ายอีกนั่นก็คือ
จุดชมวิวซุ่ยถัง ที่เป็นมุมมองที่เห็นตัวเมืองฝางได้อย่างกว้างสุดลูกหูลูกตาจริงๆ
หลังจากนี้จะเป็นเส้นทางลองเขายาวๆแทบตลอดเส้นทาง งานนี้ก็เลยถือโอกาสชาตแบตมือถือสักหน่อย เพราะเมื่อคืนจุดกางเต็นท์ไม่มีไฟฟ้าให้ไปเสียบขาตได้เลยต้องอาศัยที่ชาตมาเสียบเข้ากับจุดเสียบของเจ้า
YAMAHA Qbix คันนี้ซะเลย ชอบจุดนี้มากๆทำให้ไม่ต้องเสียเวลาพก
Power Bank ออกมาให้หนักกระเป๋า
ระบบเบรกของ
YAMAHA Qbix ทำงานได้ดีมากๆ มั่นใจในการลงเขายาวๆแบบนี้ได้เลยครับ ซึ่งการเดินทางก็ยังไม่วายจะต้องแวะ
จุดชมวิวบ้านผาแดง เพื่อเก็บภาพไว้เป็นความทรงจำที่ได้มาวิ่งเส้นนี้ครับ
เอาหล่ะหลังจากนี้ยิงยาวๆไปแล้วกันเพราะเริ่มหิวแล้ว เป้าหมายของผมก็คือ ร้านพรเพ็ญขาหมูเสวย ร้านนี้ต้องบอกเลยว่าใครที่ออกทริปประจำแล้วผ่านมาทางอำเภอเชียงดาวเป็นต้องแวะร้านนี้ประจำครับ สำหรับผมยกให้ร้านนี้เป็นซิกเนเจอร์ของอำเภอเชียงดาวเลยครับ แต่อาจจะเสียตรงที่หาที่จอดยากไปหน่อย แต่ตอนนี้มีสาขาเปิดตรงถนนก่อนเข้ามาในตัวอำเภอเชียงดาวแล้ว แต่ยังไงความคลาสสิคก็ต้องยกให้ที่นี่ครับ
อีกแค่ไม่กี่สิบกิโลผมก็จะถึงยังเป้าหมายบ้านสันป่าเกี๊ยะครับ ซึ่งจุดที่ผมจะไปพักในครั้งนี้ก็คือ
สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ ซึ่งเป็นจุดที่มีการรายงานมาว่ามีดอกซากุระเมืองไทยบานแล้ว โดยระยะทางจาก ร้านพรเพ็ญขาหมูเสวย ไปจนถึง สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ แค่ราว 28 กิโลเมตร แต่ระบุไว้ว่าชั่วโมงกว่าๆ แบบนี้เตรียมรับแรงกระแทกได้เลยทางคงไม่ธรรมดาครับ
หลังจากการเดินทางซึ่งเป็นทางดินมาเกือบ 30 กิโลเมตร เล่นเอาท้องไส้ปั่นป่วนด้วยแรงกระแทก ช่วงล่างของ
YAMAHA Qbix โดนอัดไปแบบเต็มๆ แอบเสียวโช้คแตกเหมือนกัน แต่ก็อึดใช้ได้สำหรับช่วงล่างของเจ้า
YAMAHA Qbix คันนี้ เมื่อมาถึงยัง สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ ต้องบอกเลยว่าวันนี้คนแทบไม่ค่อยมีครับ เพราะเป็นวันปกติ จุดกางเต็นท์โล่งสมใจผมจริงๆ แต่บ้านพักเต็มทุกหลังครับ สำหรับที่นี่ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆครับ แต่สำหรับคนที่ชอบนอนเต็นท์แบบผมไปหาเอาดาบหน้าครับ วันนี้เลยถือว่าโชคดีมากๆที่ได้วิวดีๆแบบนี้
สำหรับค่าบริการกางเต็นท์แค่คนละ 50 บาท ในกรณีที่พกเต็นท์มาเองนะครับ กับวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ราคาแค่นี้โครตฟินน์เลยครับ เมื่อกางเต็นท์เสร็จก็ตามล่าหาดอกพญาเสือโคร่งที่นี่ครับ ซึ่งต้องบอกเลยว่าที่นี่กำลังบานแค่ 2-3 ต้น เป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกไม่นานเตรียมมาพบกับความสวยงามตอนที่ดอกบานเต็มที่ได้ที่นี่เลยครับ
สำหรับที่ สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ จะมีไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟทำงานถึงราว 4 ทุ่มก็จะปิดนะครับ ซึ่งก็ทำให้เราได้บรรยากาศดีๆในการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งนะครับ โดยในจุดที่ผมนอนหากช่วงดึกๆจะเห็นแสงไฟจากในตัวเมืองดูสวยงามทีเดียวครับ
สำหรับในตอนเช้าที่นี่ยังมีวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามจริงๆครับ ด้วยแสงอาทิตย์สีทองที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางหมอกและทิวเขา มันช่างทำให้มีความสุขจริงๆครับ แนะนำใครที่มาเที่ยวแบบนี้อย่ามัวแต่นอนนะครับ ลองตื่นมาเช้าๆมาดูความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบ้างนะครับ สำหรับที่นี่ยังจะได้เห็นวิวของ ดอยหลวงเชียงดาว ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเราอีกด้วยครับ ช่างสวยงามจริงๆ
หากมีโอกาสมาเที่ยวนะครับช่วงปลายปีถึงต้นปี ที่นี่คงจะสวยงามไปด้วยการบานของดอกพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นวิวที่สวยงามเมื่อตัดกับวิวของดอยหลวงเชียงดาวครับ
ได้เวลาเดินทางต่อครับเพราะยังมีอีกหลายที่รอผมอยู่ อยากไปเก็บเอาบรรยากาศการตามล่าซากุระมาให้เพื่อนๆได้ชมกันไวๆก่อนที่ดอกจะบานเต็มที่ เผื่อใครวางแผนขึ้นมาเที่ยวเหนือในช่วงปลายปีนี้จะได้วางแผนสถานที่เที่ยวเหล่านี้ไว้ในแผนของเพื่อนๆด้วยครับ
“อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
กับทริปตามล่าซากุระ ยังไม่จบครับเพราะเพิ่งผ่านมาแค่ 2 ที่เท่านั้น นั่นก็คือ ดอยอ่างขาง และ สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ ซึ่งทั้งสองที่เรียกได้ว่าได้ทดสอบรถ YAMAHA Qbix เอาการไม่ว่าจะเป็นการขี่รถขึ้นทางชันมากๆอย่าง ดอยอ่างขาง หรือพาไปลุยทางวิบากบนทางดินอย่าง สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ ตอนนี้ก็ได้เวลาขี่ย้อนกลับลงมาทางเดิมแล้วมุ่งตรงสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งห่างจากที่นี่ราว 120 กิโลเมตร
ซึ่งแน่นอนผมต้องเจอแรงกระแทกจากหนทางเสนทางลงไปจาก สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ อีกครั้ง ก่อนจะเป็นการวิ่งในทางปกติที่เรียกได้ว่าสามารถทำความเร็วได้พอสมควร อีกทั้งถนนช่วงเข้าไปยัง อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ก็ได้ทำถนนใหม่แล้วสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นเยอะ ซึ่งตามประสาของผมหล่ะครับมีเท่าไหร่ใส่หมด โดยต้องยอมรับว่า
YAMAHA Qbix ถึงจะเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง น่ารักๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์การขับขี่ที่นิ่ง ด้วยช่วงล่างที่ถือว่าใช้การได้เลย เข้าโค้งแรงๆก็เอาอยู่ครับ และเมื่อก่อนถึงเขต อ.แม่แตง ก็อดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปเก็บภาพที่ สวนสนแม่แตง สักรูปก่อนเดินทางต่อครับ
สำหรับเส้นทางไปยัง
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ก็เป็นถนนเส้นเดียวกับที่จะไปเที่ยว อ.ปาย แม่ฮ่องสอนครับ ซึ่งช่วงหนาวๆก็มีคนเดินทางไปเที่ยวปายเยอะมากครับ บางปีที่ผมเคยไปช่วงไฮซีซั่น เรียกว่าแทบไม่มีที่นอนครับ ผมก็ขี่ไปแบบชิวๆแวะรายทางไปเรื่อยๆ จุดหนึ่งที่ผมแวะก็คือ
Pankled Sheep House ก็แวะให้อาหารแกะที่นี่สักหน่อยก่อนเดินทางต่อครับ
เดินทางไปเรื่อยๆจนท้องชักร้องดูเวลาจะเที่ยงแล้ว มิน่าหิวท้องร้องจ๊อกๆ เพราะไม่ได้กินข้าวก่อนเดินทางนั่นเอง จึงขี่รถมาเรื่อยๆจนถึงตรงด่าน
บ้านแม่แสะ ซึ่งที่นี่ก็เป็นจุดแวะอีกจุดที่หลายๆคนชอบแวะกัน เพราะมีร้านขายอาหารอยู่ร้านนึงที่เด็ดมาก นั่นก็คือ
ร้านอาหารอิสลามแม่แสะ [โกปิง] ซึ่งผมขอบอกเลยว่าที่นี่มีข้าวหมกไก่ , เนื้อ ที่เด็ดมากๆ เด็ดไม่เด็ดผมซัดไปซะ 2 จานทั้ง ข้าวหมกไก่ และ ข้าวหมกเนื้อเลยครับ
เรียกว่าอิ่มจนจุกครับ แต่ของอร่อยนานๆมาทีต้องกินให้คุ้มครับ ผมเดินทางต่อไม่ได้รีบอะไรครับขี่เจ้า
YAMAHA Qbix ไปแบบเพลินๆ จนมาถึง อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ก็ไปหาทำเลที่ตั้งสำหรับกางเต็นท์ โดยที่นี่มีให้เลือกกางเต็นท์ได้หลายจุดครับร่วม 5-6 ลาน ผมหาลานที่คนน้อยๆ และที่สำคัญผมนอนข้างต้นดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ดอกซากุระเมืองไทย ที่ผมตามหาเลยแหล่ะครับ เอาแบบใกล้ชิดสนิทสนมเลย
แน่นอนครับผมไปถึงตั้งแต่บ่ายๆจึงตั้งเต็นท์อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ครับ คนน่าจะไม่เยอะ เลยเดินไปเดินมาหาที่ถ่ายรูปกับต้นพญาเสือโคร่ง ผ่านไปสักพักพอเริ่มเย็น จากที่กางเต็นท์อยู่คนเดียวมีคนสนใจวิวตรงนี้มานอนข้างๆผมเพียบ ซึ่งจุดที่ผมกางนอนคือจุดลาน 2 โซน B ซึ่งจะได้มองเห็นวิวของพระอาทิตย์ตกดินครับ ซึ่งไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะหลังจากที่ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายฝนจะตก พอเย็นๆก็มีช่องให้แสงพระอาทิตย์ส่องลงมาดูแล้วสวยงามจริงๆครับ
ตอนกลางคืนของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังถือว่าอากาศเย็นใช้ได้เลยครับ น่าจะราวๆ 15-16 องศา งานนี้นอนพักเอาแรงหลับสบายครับ เพราะพรุ่งนี้เช้าผมจะต้องตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้า
โดยอากาศในเช้านี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกครับ เพราะอากาศถือว่าเย็น และในจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก สำหรับที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ดอกพญาเสือโคร่งก็ถือว่าบานเยอะพอสมควรแต่ก็ยังไม่เต็มที่ครับ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวได้พอสมควรเลยทีเดียวครับ
พระอาทิตย์สาดแสงส่องผ่านเมฆและหมอก ออกมาสีทองอร่าม หลายๆคนที่อยู่ในจุดนั้นคงมีความรู้สึกดีๆเหมือนผมที่คิดไม่ผิดเลยที่แหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพื่อมารอดูแสงอาทิตย์ยามเช้าแบบนี้ครับ
สำหรับดอกพญาเสือโคร่งที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ถือว่าบานแล้วพอสมควรครับ แต่ก็ยังไม่มากเท่าไหร่ หากใครวางแผนมาเที่ยวในช่วงปลายปีถึงต้นปีน่าจะเป็นช่วงที่บานเต็มที่พอดีครับ เดี๋ยวเราพาเจ้า YAMAHA Qbix ออกเดินทางกันต่อดีกว่าครับเพื่อตามล่าซากุระเมืองไทยในสถานที่ต่อไปครับ
“ขุนช่างเคี่ยน” อ.เมือง จ.เชียงใหม่
การเดินทางตามล่าซากุระ เริ่มเดินทางใกล้จุดไฮไลท์เรื่อยๆครับ แต่ผมว่าแต่ละที่ก็มีเสน่ห์แตกต่างกันครับ เอาหล่ะได้เวลาเดินทางต่อครับ จากที่เราได้ชื่นชมดอกพญาเสือโคร่งและบรรยากาศดีๆที่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เรียบร้อยแล้วก็เดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ครับ เพื่อมุ่งตรงขึ้นดอยสุเทพ เพื่อไปยังหมู่บ้านม้ง ขุนช่างเคี่ยน ซึ่งที่นี่ผมต้องบอกเลยว่าเป็นไฮไลท์ของคนที่ชื่นชอบดอกพญาเสือโคร่งเลยก็ว่าได้ ด้วยสถาณที่ๆใกล้เมือง จึงเป็นทางเลือกแรกๆของคนเชียงใหม่และใกล้เคียงในการไปชมดอกพญาเสือโคร่งครับ
ผมเดินทางออกมาจากอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตอนสายๆ ย้อนกลับลงมาทางเดิมอีกครั้ง วันนี้เป็นขาลงเขาจึงทำให้ขี่รถได้ค่อนข้างสนุก งานนี้ต้องขอบคุณ YAMAHA Qbix ที่ทำให้การขับขี่วันนี้สนุกทีเดียว ยางใหญ่ๆจาก Qbix เวอร์ชั่น S ทำให้มั่นใจการเข้าโค้งได้มากครับ และในเส้นทางนี้เองมีร้านอยู่ร้านหนึ่งที่ผมต้องขอแนะนำเลย เพราะเป็นร้านที่แนวมากๆ นั่นก็คือ บ้านแม่มด ครับ
ที่นี่เป็นร้านที่กลุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ไหนๆผ่านมาเป็นต้องแวะครับ สังเกตได้เลยก็คือหน้าร้านจะถูกแปะไว้ด้วยสติ๊กเกอร์ของกลุ่มต่างๆ เป็นร้อยๆกลุ่มครับ ที่โดดเด่นของร้านเลยก็คือการที่มีรูปปั้นของแม่มด จึงเป็นที่สะดุดตาของใครๆจนต้องแวะร้านนี้ครับ และชานมร้อนของที่นี่อร่อยมากๆครับ นมข้นหวานอยู่ก้นแก้ว คนให้เข้ากันก่อนดื่มอร่อยจริงๆครับ
ไหนๆก็มานั่งบ้านแม่มดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขอเอาสติ๊กเกอร์ของ
VRthairider.com ไปแปะไว้ด้วยคน
นั่งไปได้สักพักเห็นมีกลุ่มมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งได้มาจอด แต่จากการมองดูจากรถและจากทะเบียนไม่น่าใช่รถในบ้านเรา ผมก็เลยเดินเข้าไปคุยด้วยครับ ปรากฏว่าเป็นชาวมาเลเซียและขี่มาจากประเทศมาเลเซียซะด้วย และจากการสังเกตุรถที่ขี่มาส่วนมากจะเป็นรถ
YAMAHA ทั้งนั้น รถของเขาดีจริงๆ เห็นเดินมาด้อมๆมองๆเจ้า
YAMAHA Qbix อยู่สงสัยว่าจะชอบแน่ๆ
เดินทางต่อไปยังดอยสุเทพครับ แน่นอนว่าไม่ว่าจะช่วงเทศกาลหรือไม่เทศกาลคนที่วัดพระธาตุดอยสุเทพก็จะเยอะเสมอ โดยการไปยังบ้านม้งขุนช่างเคี่ยน จะต้องขี่รถเลยวัดพระธาตุดอยสุเทพ ผ่านพระตำหนักภูพิงค์ และไปทางดอยปุย ทางบางช่วงค่อนข้างชันและแคบครับ เพื่อนๆไปด้วยมอเตอร์ไซค์น่าจะสะดวกสุด เพราะหากไปด้วยรถยนต์สวนกันยังลำบากครับ
เมื่อใกล้ถึง
สถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นพญาเสือโคร่งเต็มไปหมด ซึ่งในวันที่ผมไปใบของต้นพญาเสือโคร่งได้ร่วงหมดแล้ว แต่ดอกยังไม่บานครับ ซึ่งสักพักก็จะเริ่มออกดอกครับ ซึ่งจากข้อมูลของที่นี่ส่วนมากดอกจะบานในช่วงกลางเดือน มกราคม ของทุกๆปีครับ
ทำไมผมถึงอยากแนะนำที่ ขุนช่างเคี่ยน เพราะที่นี่เมื่อดอกบานเต็มที่จะสีชมพูไปทั้งม่อนดอยจริงๆ และผมเชื่อว่าใครที่มาเที่ยวที่นี่ในช่วงดอกพญาเสือโคร่งบานต้องชอบแน่นอน แค่อยากให้เลือกวันมาเที่ยวให้ดีสำหรับที่นี่ในตอนดอกพระยาเสือโคร่งบานเต็มที่คนจะเยอะมากๆครับ
มาขุนช่างเคี่ยนคราวนี้พลาดไปคือดอกพญาเสือโคร่งยังไม่บาน ไว้หากบานเมื่อไหร่ผมจะมาแก้ตัวเที่ยวที่นี่อีกครั้งครับ เพราะตั้งใจเอาไว้หลายครั้งแล้วสำหรับที่นี่ว่าจะต้องมาตอนดอกซากุระเมืองไทยบานให้ได้ เพื่อนๆคนไหนที่ชื่นชอบความสวยงามของที่นี่แปลนไว้ช่วงต้นปีได้เลยครับ เอาหล่ะผมต้องเดินทางต่อไปยังจุดไฮไลท์อีก 2 ที่ครับ ซึ่งอยู่ในเขต ดอยอินทนนท์ เดินทางไปกันต่อดีกว่าครับ GO GO
“โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์” อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ดอยอินทนนท์ จุดสูงสุดแห่งสยาม เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีความสูง 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เวลาใครมาเชียงใหม่ในช่วงฤดูหนาวต้องอยากขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวที่นี่ครับ ซึ่งแน่นอนว่าในความสูงระดับนี้ต้องมีต้นพญาเสือโคร่ง เพื่อให้ผมตามล่าซากุระเมืองไทยแน่นอน และแน่นอนว่าที่ดอยอินทนนท์ก็มีจุดที่น่าไปตามล่าหาดอกซากุระเมืองไทยอยู่ 2-3 ที่ ผมจึงได้เร่งเดินทางออกมาจาก ขุนช่างเคี่ยน ซึ่งดอกพญาเสือโคร่งยังไม่บาน และมุ่งตรงมายัง โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ โดยทันทีเพราะได้ข่าวว่าที่นี่เริ่มมีดอกบานให้เห็นแล้ว
กับอากาศร้อนๆในช่วงบ่ายๆ เล่นเอาผมก็ง่วงเอาการเหมือนกัน จึงต้องจำเป็นหาที่เติมพลังสักหน่อย และในช่วงเส้นทางที่จะไปยังดอยอินทนนท์นี่เอง ช่วงเส้นทางเลียบคันคลอง เส้นเลี่ยงเมือง ก็มีร้านเด็ดๆอยู่ร้านหนึ่งที่ผมอยากแนะนำเลย หากใครที่เป็นคอกาแฟแล้วแนะนำเลยครับว่าแวะที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน นั่นก็คือร้าน
Three Nakhanik Cafe’ ซึ่งเป็นร้านที่สร้างขึ้นจากตู้คอนเทนเนอร์ที่ดูดีและเก๋มากๆ อยากจะแนะนำเลยครับร้านนี้เด็ดจริง
บรรยากาศภายในร้านต้องบอกเลยว่านั่งจิบกาแฟไปแบบเพลินๆเลยครับ การออกแบบตกแต่งที่ดูมีสไตล์มากๆ แถมทีเด็ดของที่นี่ผมต้องบอกเลยว่าที่
Three Nakhanik Cafe’ มีกาแฟให้เลือกจิบเยอะมากๆครับ ผมไม่ใด้ถนัดเรื่องของกาแฟซะด้วยเลยสั่งไปบอกว่าขอแบบเด็ดๆสักแก้วครับ
ผมต้องบอกตรงๆแบบไม่อายเลยครับพอทางร้านเอากาแฟมาเสริฟแค่นั้น ผมงงเลยครับ คิดในใจนี่มันกาแฟอะไร? ทำไมหน้าตามันเหมือน Cocktail ยังไงยังงั้น!!! ก็เลยถามทางร้านไปนี่มันกาแฟอะไรครับ? ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่ากาแฟแก้วนี้ชื่อว่า “Blood Orange” แปลไทยๆก็ “เลือดส้ม” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มประเภท Mocktail จะคล้ายๆ Cocktail เพียงแต่ไม่มีแอลกอฮอล์ ต้องบอกว่าอร่อยเลยแหล่ะครับ กาแฟผสมอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างแถมมีส้มมาให้อีกชิ้นเด็ดจริงๆ เริ่มจะติดใจกาแฟแบบ Mocktail ซะแล้วสิ คราวหน้าต้องกลับมาลองแบบอื่นบ้างแล้วครับ
จากนั้นก็ต้องเดินทางต่อครับไปยังดอยอินทนนท์ ซึ่งเมื่อถึงแยกขุนวางก็เลี้ยวขวาไปทางบ้านขุนวางครับ เพื่อไปยัง โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ครับทางก็ค่อนข้างชันนะครับ แต่หากเทียบกับทางขึ้นดอยอ่างขางแล้วที่นี่ยังสู้ไม่ได้ครับ ซึ่งเจ้า YAMAHA Qbix ก็พาไปถึง โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ได้แบบสบายๆครับ
เมื่อมาถึงที่นี่เหลือบมองไปยังจุดที่มีต้นพญาเสือโคร่งก็เห็นมีสีชมพูบ้างแล้ว แปลว่าดอกพญาเสือโคร่งเริ่มบานแล้ว แต่สำหรับที่นี่แล้วผมไม่อยากจบแค่การมาดูดอกพญาเสือโคร่งนะครับ เพราะที่นี่เป็น
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ซึ่งเป็นกล้วยไม้ไทยที่หายากและใกล้จะสูญพันธ์ไปจากแผ่นดินไทย ซึ่งจะคุ้มมากหากได้มาที่นี่แล้วเข้าไปเยี่ยมชมกล้วยไม้ที่ใกล้สูญพันธ์แล้วครับ
สำหรับที่นี่แล้วที่ผมค่อนข้างชื่นชอบในการมาชมดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ดอกซากุระเมืองไทย ก็คือที่นี่มีต้นพญาเสือโคร่งอยู่รอบๆอ่างน้ำ ซึ่งทำให้เวลาที่เรามายืนมองหรือถ่ายรูปไปมันจะได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่งแตกต่างจากที่อื่นครับ โดยในวันนี้ดอกกำลังเริ่มบานไม่เยอะมากครับ เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าราวๆปลายปีเป็นต้นไปน่าจะสวยงามกว่านี้ครับ
ซึ่งหากดอกพญาเสือโคร่ง หรือดอกซากุระเมืองไทย บานเต็มที่ก็จะสวยงามมากๆครับ
ยังมีเวลาที่เพื่อนๆจะเตรียมแผนขึ้นมาเที่ยวเหนือช่วงหนาวนี้นะครับ หากได้ขึ้นมาอินทนนท์ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี นะครับ เมื่อเดินเที่ยวเสร็จก็ใกล้จะเย็นแล้ว จะเดินทางไปที่ บ้านขุนวาง ก็น่าจะค่ำและเดินทางลำบาก ผมเลยต้องกลับไปเพื่อนอนที่ จุดกางเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติอินทนนท์ โดยก่อนการไปนอนยังจุดกางเต็นท์เราต้องไปติดต่อชำระเงินอีกที่หนึ่งครับ แล้วถึงนำมาแสดงเพื่อกางเต็นท์นอนที่จุดกางเต็นท์ครับ
สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลามานอนที่ดอยอินทนนท์ก็คือการไปชมวิวในยามค่ำคืนครับ เพราะที่ดอยอินทนนท์ส่วนมากชาวบ้านจะปลูกดอกกันเป็นส่วนมาก ซึ่งในยามกลางคืนจะมีการเปิดไฟให้ดอกโตไวด้วยครับ ซึ่งสว่างแทบทั้งม่อนดอยครับ ดูแล้วเป็นวิวที่สวยงามจริงๆครับ
แค่นี้ก็กลับมานอนซุกในเต็นท์อย่างมีความสุขแล้วครับ สำหรับใครที่ชื่นชอบบรรยากาศแบบนี้ก็มาท่องเที่ยวกันได้ครับที่ดอยอินทนนท์ ยังไงคืนนี้ขอนอนพักผ่อนก่อน เพื่อพรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ว หากใครมาดอยอินทนนท์แล้วไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นถือว่าพลาดอย่างแรง ยังไงในวันพรุ่งนี้ผมจะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และพาไปยังจุดเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่งอีกจุดหนึ่งนั่นก็คือที่ บ้านขุนวาง ครับ จุดนี้เรียกว่าเป็นจุดไฮไลท์เลยครับไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับผม
“ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)” อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
จากอุณหภูมิราวๆ 15 องศา กับการนอนเต็นท์ที่จุดกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติอินทนนท์ ก็ได้บรรยากาศมากๆครับ ซึ่งวันนี้ผมตื่นนอนแต่เช้าราวๆตี 5 เพื่อเตรียมตัวขึ้นไปยังยอดดอยอินทนนท์ เพื่อรับกับอากาศหนาวๆที่ใครๆมาอินทนนท์ก็อยากไปสัมผัสกันครับ ซึ่งผมขอพาเพื่อนๆขึ้นไปยอดดอยเพื่อไปเที่ยวชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่กันก่อนนะครับ ก่อนเดินทางไปจุดสุดท้ายที่จะพาไปตามล่าซากุระ นั่นก็คือ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ครับ
ผมขี่มอเตอร์ไซค์ตะลุยความหนาวและหมอกที่ลงจัดเพื่อไปยังจุดสูงสุดแห่งสยาม ในระดับ 2,565 เมตร ซึ่งตลอดทางชันๆก่อนถึงยอดดอยเจ้า YAMAHA Qbix ทำงานได้ดี ไม่มีอาการสะดุดใดๆเนื่องมาจากความกดอากาศเลย ซึ่งมีรถหลายรุ่นอยู่เหมือนกันที่ผมเคยขี่ขึ้นมาแล้วมาอากาศสะดุดพอสมควร ซึ่งในวันนี้อุณภูมิสูงกว่าที่คาดไว้ครับ เพราะวันนี้อุณหภูมิ 11 องศา ใจผมอยากเห็นเลขหลักเดียวมากๆ
และจุดที่คนชอบไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นมากที่สุดก็ตรงลานกิ่วแม่ปานครับ ขนาดในวันที่ผมไปคนก็ร่วม 2-300 คนเลยทีเดียว แต่ดีที่ผมขึ้นไปแต่เช้าเลยได้จุดชมวิวด้านหน้าๆ โดยไม่ต้องมีใครมาบดบังวิวของผม ฟินน์มากๆครับ
ในจุดนี้ผมมาดูแค่ตอนฟ้าเริ่มมีแสงสีทองตรงช่วงขอบเท่านั้นครับ เพราะจุดที่ผมชอบจริงๆจะไม่ใช่จุดลานกิ่วแม่ปานครับ ผมจะขี่รถย้อนลงไปอีกหน่อยจะมีจุดชมวิวที่คนไม่ค่อยไปจอดกันเพราะไม่มีที่จอดรถนะครับ แต่ในจุดนี้เป็นจุดที่ผมชอบมากกว่าตรงกิ่วแม่ปานซะอีก ซึ่งผมก็ได้มาเก็บภาพพระอิตย์ขึ้นเต็มดวงที่นี่แทนครับ
นี่คือกิจกรรมอย่างหนึ่งที่คนมานอนที่ดอยอินทนนท์ไม่ควรพลาดครับ กับการขึ้นมายังจุดสูงสุดของสยาม และการสัมผัสกับแสงของพระอาทิตย์ยามเช้าที่นี่ครับ เอาหล่ะเดี๋ยวเราไปเก็บเต็นท์แล้วเดินทางไปยังจุดสุดท้ายที่ผมว่าที่นี่น่าจะสวยงามที่สุดที่หนึ่งเลยครับในการมาเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ดอกซากุระเมืองไทย ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ครับ
ซึ่งการเดินทางจากจุดกางเต็นท์ไปยัง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ต้องผ่าน โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และจะเจอบ้านขุนวาง ซึ่ง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) จะคนละที่กับ โครงการหลวงขุนวาง นะครับมีคนชอบเข้าใจผิดว่าเป็นที่เดียวกัน โดยเมื่อเดินทางมาถึงบ้านขุนวางก็มีร้านที่น่านั่งที่สุดที่บ้านขุนวางอยากจะแนะนำครับ นั่นก็คือ โปโป & ปิงปิง ซึ่งที่นี่มีห้องพักไว้บริการด้วย แต่ผมไปที่นี่ทีไรจะแวะนั่งกินข้าว ดื่มกาแฟที่นี่ประจำครับ
สำหรับที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) เป็นจุดเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่งที่สวยงามมากครับ ด้วยจำนวนต้นพญาเสือโคร่งที่หนาแน่น และจุดที่มีต้นพญาเสือโคร่งก็เป็นจุดที่ถ่ายรูปออกมาได้อย่างสวยงาม ถึงขนาดเคยมีละครดังและพระเอกชื่อดังมาถ่ายที่นี่ จนทำให้คนมาเที่ยวที่นี่จนขุนวางแทบแตกมาแล้วครับ
ภาพจากละคร ตามรักคืนใจ
สำหรับที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ในตอนนี้ดอกพญาเสือโคร่งยังไม่บานครับ ใบของต้นพญาเสือโคร่งเพิ่งร่วงหมด โดยที่นี่ส่วนมากดอกจะบานหลังจากที่ โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ บานนะครับ โดยทุกๆปีดอกจะบานเต็มที่ช่วงกลางเดือนมกราคมครับ อยากบอกเลยว่าเพื่อนๆยังเตรียมตัวกันได้ทันครับ
หากใครที่วางแผนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี กับช่วงต้นปี ก็อย่าลืมวางแผนมาเที่ยวดอยอินทนนท์ และเข้ามาเยี่ยมชมดอกพญาเสือโคร่งที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) แห่งนี้นะครับ แล้วที่นี่จะทำให้คุณหลงรักครับ
ภาพปีที่ผ่านมาจาก เที่ยววนไป
เป็นไงบ้างครับกับการพาไปตะลุยตามล่าซากุระเมืองไทยในครั้งนี้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับที่มีในจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีอีกหลายที่มากมายไม่ว่าจะในจังหวัดเชียงราย , จังหวัดน่าน , พิษณุโลก , เพชรบูรณ์ และเลย ในช่วงอากาศหนาวๆแบบนี้ขี่รถมอเตอร์ไซคืเที่ยวสนุกยิ่งนักครับ ลองออกไปเที่ยว ออกไปสัมผัสด้วยตาของคุณเองครับ แล้วคุณอาจจะติดใจและหลงรักการออกไปสัมผัสกับธรรมชาติแบบผมก็ได้ครับ หากมีโอกาสที่ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาอีกจะมาพาเพื่อนๆซ้อนท้ายไปด้วยกันแบบนี้อีกนะครับ
VRthairider เพราะชีวิต…คือการเดินทาง
