อัปเดตกฎหมายมอเตอร์ไซค์ที่ชาวไบค์เกอร์ต้องรู้

กฎหมายมอเตอร์ไซค์เบื้องต้น

    กฎหมายเบื้องต้นเหล่านี้ คือสิ่งที่ไบค์เกอร์ทุกคนควรรู้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน และบางข้อยังเป็นการดูแลสภาพรถมอเตอร์ไซค์ไปในตัวด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะรู้ข้อกฎหมายดีอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นการทบทวนไปด้วยกันอีกครั้ง โดยกฎหมายเกี่ยวกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์เบื้องต้นที่สำคัญ มีดังนี้

1. ห้ามบรรทุกของเกิน 50 กิโลกรัม และนั่งซ้อนท้ายได้เพียง 1 คนเท่านั้น

2. ห้ามใช้ความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเขต กทม./ เมืองพัทยา/ เขตเทศบาล และนอกเขตไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากมีเครื่องหมายจราจรกำหนดความเร็วไว้ต้องห้ามขี่เกินอัตราความเร็วที่กำหนด

3. ก่อนเลี้ยวรถ เปลี่ยนเลน ลดความเร็ว หยุดหรือจอดรถ ต้องให้สัญญาณด้วยมือหรือแขน หรือไฟสัญญาณเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร

4. เมื่อจะเลี้ยวรถหรือเปลี่ยนเลน ต้องใช้ไฟสัญญาณกะพริบที่ติดอยู่ท้ายรถ ไปในทิศทางที่จะเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน

5. เมื่อจะให้รถคันอื่นแซงหรือผ่านขึ้นหน้า ต้องให้ไฟสัญญาณกะพริบที่ติดอยู่ท้ายรถหรือทางด้านซ้ายของรถ

6. ต้องระมัดระวังไม่ให้รถชนหรือโดนคนเดินเท้าไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทาง และต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้าให้รู้ตัวเมื่อจําเป็น

7. ต้องขับขี่รถในเลนซ้ายและต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของเลน เว้นแต่เลนซ้ายมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร หรือเจ้าพนักงานจราจรกําหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว หรือเลนกว้างไม่ถึงหกเมตร

    หลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับกฎหมายมอเตอร์ไซค์เบื้องต้นกันไปแล้ว มาทำความเข้าใจและอัปเดตกฎหมายจราจรฉบับใหม่ ที่มีโทษและอัตราค่าปรับที่เพิ่มขึ้นกัน จะมีอัตราโทษและค่าปรับข้อไหนบ้างที่เปลี่ยนแปลงไป มาดูกัน

กฎหมายจราจรใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่รถจักรยานยนต์ อัตราค่าปรับและบทลงโทษในกฎหมายจราจรใหม่

    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกประกาศปรับเพิ่มบทลงโทษ กฎหมายจราจรใหม่ สำหรับหลายกรณีความผิดซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อหาที่ผู้ขับขี่กระทำผิดบ่อย ไบค์เกอร์คนไหนยังไม่รู้เราอัปเดตมาให้แบบเข้าใจง่ายแล้ว

1. ขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง และไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย อัตราโทษเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท ปรับใหม่เป็นไม่เกิน 4,000 บาท

2. ขับรถย้อนศร ไม่สวมหมวกนิรภัย อัตราโทษเดิมปรับไม่เกิน 500 บาท ปรับใหม่เป็นไม่เกิน 2,000 บาท

3. จอดรถในที่ห้ามจอด ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

4. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น อัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท เพิ่มเป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. เมาแล้วขับหากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก อัตราโทษจะถูกปรับเพิ่มเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท

    นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีการออก “ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565” หรือตัดแต้มใบขับขี่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 9 มกราคม 2566

    โดยผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งไม่ว่าจะมีใบขับขี่กี่ประเภท จะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนน หากทำผิดกฎจราจรในข้อหาที่ระบุไว้ จะถูกตัดคะแนนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้คะแนนที่ถูกตัดไปจะได้รับคืนเมื่อเข้าอบรมกับกรมการขนส่งทางบก หรือรอให้ครบ 1 ปี ก็จะได้คะแนนคืนอัตโนมัติ แต่หากผู้ขับขี่ถูกตัดจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่หรือห้ามขับรถ (ทุกประเภท) เป็นเวลา 90 วัน และหากฝ่าฝืนขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รายละเอียดการตัดคะแนน จะมีการแบ่งกลุ่มความผิด 2 แบบ ดังนี้

แบบที่ 1 ตัดคะแนนทันทีที่ทำผิด

    ความผิดในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มความผิดหลักซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะถูกตัดคะแนนตั้งแต่ 1-4 คะแนน ขึ้นอยู่กับว่าทำผิดในข้อหาใด โดยรายละเอียดในการตัดคะแนน มีดังนี้

– ตัด 1 คะแนน เช่น ไม่สวมหมวกกันน็อก, ขับบนทางเท้า, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย, ขับรถเร็วเกินกำหนด, ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ, ไม่ติดป้ายทะเบียน, ไม่ติดป้ายภาษี, ไม่หลบรถฉุกเฉิน

– ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ขับย้อนศร ขับรถในระหว่างโดนพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่

– ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี ขับรถผิดวิสัยไปจากการขับธรรมดา ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ

– ตัด 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ แข่งรถบนถนน ขับรถในขณะเสพยาเสพติด

แบบที่ 2 ตัดคะแนนเมื่อไม่ชำระค่าปรับ

    การตัดคะแนนในแบบที่ 2 นี้ เกิดจากกลุ่มความผิดอื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง จำนวน 42 ฐานความผิด ซึ่งจะถูกตัดคะแนนเฉพาะในกรณีที่ไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น จอดรถในที่ห้ามจอด, ขับรถไม่ซิดซ้าย, ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่, ฝ่าฝืนเครื่องหมายทาง เป็นต้น

    ทั้งหมดนี้คือกฎหมายมอเตอร์ไซค์ที่ถูกประกาศออกมาใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว หากไม่อยากถูกปรับหรือกระทำผิดกฎจราจร ควรศึกษาให้ละเอียด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจ่ายค่าปรับกันนะครับ

และสำหรับใครที่สนใจหรือกำลังมองหามอเตอร์ไซค์อยู่ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือเข้าไปสอบถามได้ที่ศูนย์ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทุกสาขา ทั่วประเทศ