เรื่องราวของ fairy tale หรือ ‘เทพนิยาย’ นั้น ถูกนำมาใช้เป็นคอนเซ็ปต์ที่ชวนค้นหาและดึงดูดให้เข้ามาลองสัมผัสของร้าน Mocking Tales ณ โครงการ The Maze ทองหล่อ ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่ผสมผสานความเป็นร้านกาแฟ ร้านขนมหวาน ร้านอาหาร และบาร์ค็อกเทลไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
แต่แน่นอนว่าต้นทุนที่ทำให้ Mocking Tales เกิดขึ้นและยืนหยัดอยู่ได้ ไม่ใช่เรื่องของเทพนิยายชวนฝัน แต่ต้องแลกมาด้วยการลงมือทำ ไม่หยุดเดินทางค้นหาแรงบันดาลใจ บวกกับการเลือกสรรและผสานสิ่งต่างๆ ในชีวิตให้กลมกลืนลงตัว
เรากำลังพูดถึง บาริสต้าหนุ่มและเจ้าของร้าน Mocking Tales อย่าง คุณอู๋ - เอกพล ดีบุญมี ณ ชุมแพ ที่วันนี้จะมาเปิดเผยถึงมุมมองวิธีคิดในการทำงานและไลฟ์สไตล์ที่มีเสน่ห์ชวนค้นหาไม่น้อยไปกว่าร้านของเขาเลย
เรียนรู้และชัดเจนในตัวตน
คุณอู๋เล่าให้เราฟังว่าตอนเรียนจบใหม่ๆ เขารู้สึกไม่อยากทำงานออฟฟิศ แต่ยังค้นหาตัวเองไม่พบ จึงใช้เวลาในตอนนั้น ไปลองทำงานพาร์ทไทม์ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกสนุกไปกับการได้เรียนรู้ระบบงานของการทำร้านกาแฟ
“ทำไปสักพัก เพื่อนผมคนหนึ่งกลับมาจากออสเตรเลีย คุยกันว่าไหนๆ รู้ระบบแล้ว ทำไมไม่ลองทำกาแฟให้เป็นด้วยเลย ก็เลยชวนกันไปตระเวนชิมกาแฟ แรกๆ ยังไม่ได้ทำ กินให้เป็นก่อน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาชอบกาแฟจริงจัง เพราะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วกาแฟมีความหลากหลายมาก จากนั้นก็ลงลึกมาเรื่อยๆ”
จนกระทั่งเมื่อคุณอู๋กับเพื่อนเกิดความคิดว่าอยากลองเปิดร้านกาแฟดู จึงช่วยกันหาไอเดียว่าจะทำคาเฟ่แบบไหนที่ในบ้านเรายังไม่มี บวกกับเมนูที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งต้องมาที่ร้านนี้เท่านั้น สุดท้้ายเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งมีความสนใจใน fairy tale มากๆ จึงเลือกหยิบธีมนี้มาทำร้านในที่สุด
“อีกความคิดหนึ่งคือ ทำยังไงให้ร้านเรามีจุดเด่นที่คนทุกเจเนอเรชั่นสามารถมาได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วคนทุกวัยจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องของ fairy tale หมด ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์เอย หรือการ์ตูนต่างๆ นี่คือข้อดีอีกอย่างของคอนเซ็ปต์ร้าน”
ด้วยจุดเด่นเช่นนี้เอง รายการต่างๆ จึงสนใจมาถ่ายทำที่ร้านอยู่ตลอด เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ร้าน Mocking Tales บูมขึ้นมา นอกเหนือจากการบอกปากต่อปากของลูกค้าที่เคยมาสัมผัส
“ผมว่าทุกธุรกิจที่เปิดขึ้นมาต้องอดทนกับระยะเวลา และมั่นใจในสิ่งที่เราขาย ถ้าเรามั่นใจว่าโปรดักต์เราดี การบริการเราดี แล้วทุกอย่างเราพยายามให้ลูกค้าในสิ่งที่เขาต้องการ ก็ทำให้เป็นจุดแข็งได้ นำไปสู่ความประทับใจ และการบอกปากต่อปาก”
ไม่หยุดค้นหาแรงบันดาลใจ
แม้ธุรกิจจะอยู่ตัวเป็นที่น่าพอใจ แต่การค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ยังคงเป็นสิ่งที่คุณอู๋ทำอยู่เสมอ
การเดินทางท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ พูดคุยกับผู้คนที่หลากหลาย เขาชอบขี่มอเตอร์ไซค์ เหมือนการให้รางวัลชีวิต ผ่อนคลายความตึงเครียดจากรูปแบบชีวิตเดิมๆ ซึ่งตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจคือ Yamaha Grand Filano Hybrid
“หากมีเวลาว่าง ผมกับเพื่อนชอบไปชิม ร้านไหนเปิดใหม่ หรือร้านไหนที่มีสไตล์ชิลๆ ชิคๆ ไปหมด เพื่อให้รู้ เวลาไปต่างจังหวัดไปถึงก็เช่ารถขับตระเวนกัน อย่างเชียงใหม่ก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทั่ว เพราะมันทำให้เราซอกแซกไปได้ทั่ว ได้ไปเจอคน ร้านอาหาร สถานที่ใหม่ๆ ที่ทำให้เห็นถึงคัลเจอร์ของแต่ละท้องถิ่นว่าเป็นยังไง ทำให้เราไม่จำเจกับรสชาติที่เราครีเอทขึ้นมา บางอย่างเราสามารถเอามาพัฒนาต่อได้ด้วย
ผมชอบนะเวลาไปนั่งคุยกับเจ้าของธุรกิจเจ้าของร้านเล็กๆ เขาก็มีทัศนคติการใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนคนกรุง ทำให้เราได้รับมุมมองใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ตลอด”
เมื่อถามถึงเหตุผลที่คุณอู๋ ชอบใช้รถมอเตอร์ไซค์
“ผมอยู่ลาดพร้าว ถ้าจะมาร้านที่ทองหล่อ รถติดวันธรรมดาก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งจริงๆ แล้วลาดพร้าวกับทองหล่อไม่ได้ไกลเลย แต่ที่ดูไกลเพราะรถติด ซึ่งการขี่มอเตอร์ไซด์ก็ทำให้ย่นระยะเวลาได้มากพอสมควร ขี่มาเรื่อยๆ ไม่รีบครึ่งชั่วโมงก็ถึง เราสามารถกะเวลาไปทำอย่างอื่นได้ อย่างผมต้องมาก่อนร้านเปิดหนึ่งชั่วโมงเพื่อตระเตรียมสิ่งต่างๆ
"หลังจากนั้นก็จะมีไปฟิตเนส ยกเวทบ้าง ปีนผ้าจำลองบ้าง ฟิตเนสอยู่ใกล้ๆ สิบนาทีก็ถึง แต่ช่วงเวลาเย็นย่านนี้รถจะติดมาก ยิ่งเข้าซอยไม่ต้องพูดถึง รถยนต์ไปลำบาก ดังนั้นมอเตอร์ไซค์เหมาะที่สุด เดินทางง่ายและสะดวกในย่านที่เราทำงาน โดยตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้อยู่คือ Yamaha Grand Filano Hybrid เพราะชอบในดีไซน์ที่สไตล์เหมาะกับผม สีเยอะดี และมีเทคโนโลยี Hybrid มันดูเท่ รถคันไม่ใหญ่ ขี่ง่าย เวลาขี่ผมรู้สึกว่าออกตัวดี ไม่กินน้ำมัน และฟีเจอร์ที่สะดวกต่อคนขี่เยอะ เช่น ฝาถึงน้ำมันด้านหน้า ทำให้เติมน้ำมันไม่ต้องลงจากรถ มีช่องเสียบช่องแบตมือถือ และมีที่เก็บของใต้เบาะที่ใหญ่ ใส่ของได้เยอะ”
และที่สำคัญ “เวลาเราจะแต่งตัวออกไปข้างนอก อย่างหนึ่งคือผมรู้สึกว่าต้องแมทช์กับรถที่เราใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโทนสี รองเท้า เสื้อ กางเกง จริงๆ สไตล์การแต่งผมไม่ตายตัว รู้สึกว่าถ้าชอบอะไรเราก็ใส่อันนั้น แต่ส่วนใหญ่มู้ดแอนด์โทนจะออกไปทางสีขาว สีฟ้า ซึ่งสีเขียวออกพาสเทลของ Yamaha Grand Filano Hybrid ก็เข้ากันได้ดีทีเดียว ผมเป็นคนแอคทีฟในการทำงานต่างๆ ต้องการความกระฉับกระเฉงในการที่จะไปไหนมาไหน หรือว่าพบปะพูดคุยกับผู้คน ดังนั้นการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ”
จากการที่ได้คุยกับคุณอู๋ เราประทับใจในความคิดของคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองในการใช้ชีวิตและบริหารชีวิตได้ดี ต้องขอบคุณที่โลกสมัยใหม่มีเทคโนโลยีมากมายที่อำนวยความสะดวกทำให้ชีวิตคนง่ายขึ้น หากใครสนใจอยากจะขี่รถมอเตอร์ไซค์อย่างคุณอู๋ สามารถดูรายละเอียด Yamaha Grand Filano Hybrid ได้ที่นี่