youtube embed
|
สำหรับแพลนของเราในวันนี้ช่วงเช้าเราจะต้องออกไปที่ศูนย์บริการเพื่อถ่ายน้ำมันเครื่องรถ Yamaha Nmax 155 ก่อน จากนั้นเราก็จะไปกันที่ หินสามวาฬ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมเองก็ไม่เคยไปเที่ยวสักครั้ง เลยต้องเผื่อเวลาไว้นิดนึงเพราะคิดว่าน่าจะใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนานและปลายทางของวันนี้ก็คือจังหวัดนครพนม
|
|
|
จาก Green House Resort ที่เราพักเมื่อคืนไปถึงศูนย์บริการ บึงกาฬเจริญยนต์ ห่างกันไม่ถึง 2 กิโลเมตรและเป็นเส้นทางที่จะมุ่งไปที่หินสามวาฬ เลยทำให้ง่ายไม่ต้องวกไปวกมาให้เสียเวลาในการเดินทางสำหรับทริปในวันนี้ จริงๆแล้วเราจะไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ได้ แต่ด้วยการขับขี่มาในทริปนี้เราค่อนข้างใช้ความเร็วสูงและรอบเครื่องที่สูงวิ่งมาแล้วร่วม 2,000 กิโลเมตร เลยคิดว่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพจะดีกว่า
|
|
|
|
ศูนย์บริการ บึงกาฬเจริญยนต์ เราแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของ Yamaha Nmax 155 ทั้ง 2 คันเลย และเจ้าหน้าที่ ที่นี่ก็ใจดีมากพาเราเดินเที่ยวชมศูนย์บริการทั้งในส่วนของรถใหม่และรถมือสองซึ่งมีการทำการใส่ซาเล้ง สำหรับลูกค้าที่เอาไว้ขนยางพาราเรียกว่ามีบริการครบถ้วนเลย แถมก่อนที่เราจะออกเดินทางยังให้น้ำเรามาตั้ง 2 ขวดเพื่อไว้ใช้ในการเดินทางขอบคุณมากครับ
|
|
|
ระยะทางจากตัวบึงกาฬไปยังหินสามวาฬระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับ เรียกได้ว่าหากใครมาพักที่จังหวัดบึงกาฬแล้วอยากไปเที่ยว หินสามวาฬ สามารถไปได้อย่างง่ายๆเลยครับ
|
|
|
|
|
เมื่อพวกเรามาถึงที่เห็นสามวาฬเข้าไปติดต่อทางเจ้าหน้าที่สำหรับการซื้อตั๋วขึ้นไปข้างบน โดยที่นี่จะมีรถรับส่งขึ้นลงหินสามวาฬราคา 500 บาท หากไปกันหลายคนหารกันอาจจะตกแค่คนละประมาณ 50 บาทเท่านั้นเอง แต่ในวันที่เราไปคนไม่ค่อยเยอะเลยเหมาลำคันเดียว 500 บาทไปกัน 2 คน แต่ที่ถูกก็คือค่าธรรมเนียมขึ้นไปด้านบนจะอยู่ที่คนละ 20 บาทเท่านั้นเองครับ หากใครอยากจะไปบินโดรนด้านบนก็สามารถบินได้ครับแต่ต้องพกเอกสารทั้งหมดไปด้วยครับไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาตการบินโดรนต่างๆ แต่หากใครอยากให้ทางที่หินสามวาฬเก็บภาพมุมสูงให้ก็มีให้บริการ เขาคิดราคาทั้งภาพและวีดีโอ 700 บาท ซึ่งวันนี้เราใช้บริการของช่างภาพที่นี่ครับเพราะว่าเขาจะรู้มุมต่างๆของที่นี่เป็นอย่างดี เพราะมีหลายคนเอาโดรนมาบินเองแล้วโดรนตก เพราะว่าเจอลมดูดต่างๆหรือสภาพอากาศที่ไม่อำนวย เราจึงเลือกใช้บริการจากช่างภาพที่นี่จะดีกว่าครับ
|
|
|
หากจะให้เที่ยวที่นี่กันจริงๆผมคิดว่าครึ่งวันไม่รู้จะพอหรือเปล่า เพราะว่าเป็นบริเวณที่กว้างมากและมีจุดที่แวะเที่ยวหลายจุดมาก เราจึงได้แจ้งกับทางคนขับรถว่าให้ไปจุดที่เป็นไฮไลท์ของที่ หินสามวาฬ เลยครับเพราะเป็นจุดที่เราอยากจะไปยืนถ่ายรูปมากที่สุดแล้วครับ
เรามาแวะกันที่จุดแรกก็คือที่ ลานธรรม ซึ่งเป็นจุดที่มีหินเป็นรูปสิงห์หมอบอาจจะต้องใช้ศิลปะในการมองสักนิดนึงแต่ก็มองง่ายอยู่ครับว่าเป็นสิงห์หมอบ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
จากนั้นก็เดินทางมาที่ จุดชมวิวถ้ำฤาษี ซึ่งจะเป็นลานหินให้ลงไปถ่ายรูปได้ครับซึ่งในจุดนี้ เราจะเห็นว่าเขามีการแปะสก๊อตเทปสีเหลืองไว้เพื่อบอกนักท่องเที่ยวว่าอย่าเดินออกไปไกลมากกว่าจุดนี้ อาจจะมีอันตรายและร่วงหล่นตกลงไปข้างล่างได้ครับ และรถที่พาเรามาก็จอดรอที่จุดนี้ล่ะครับ เพราะว่าจะเป็นจุดที่ใกล้กับทางเดินเข้าหินสามวาฬโดยเจ้าหน้าที่บอกว่าเดินเข้าไปแค่ประมาณ 200 เมตร ก็ถือว่าไม่ได้ไกลมากครับ
ข้อดีอย่างหนึ่งของการให้ทางเจ้าหน้าที่บินโดรนถ่ายให้เราทำให้เราสามารถเดินเที่ยวไปได้และดูบรรยากาศไปได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะต้องคอยถ่ายรูปเพราะทางเจ้าหน้าที่จัดการให้เราทั้งหมดทั้งรูปถ่ายและวีดีโอเรียกว่าคุ้มค่าจริงๆครับ สอบถามทางเจ้าหน้าที่บอกว่าความสูงน่าจะอยู่ที่ 200-300 เมตร หากตกลงไปคงไม่ทันได้รู้สึกอะไร เพราะคงช็อคซะก่อนถึงพื้นแล้ว
|
|
|
เราเดินเที่ยวอยู่ที่นานที่เดียวเพราะว่าที่นี่บรรยากาศค่อนข้างดีแล้วก็วิวที่แปลกตาเลยทำให้เราใช้เวลาที่นี่นานจนลืมเวลา ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เราจะเดินทางไปถึงนครพนมมืดหรือเปล่า ผมมองดูนาฬิกาอีกทีจำเป็นต้องรีบเดินทางแล้วครับ เลยต้องบอกเจ้าหน้าที่ส่งเราลงไปข้างล่างแล้วก็เดินทางไปยังจังหวัดนครพนม เพราะต้องเดินทางอีกเกือบ 170 กิโลเมตร
|
|
|
|
กับระยะทางจาก หินสามวาฬ ไปจังหวัดนครพนม 170 กิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างที่จะเป็นทางตรงซะเป็นส่วนมาก ต้องบอกเลยว่ายิ่งเป็นช่วงบ่ายๆต้องมีอาการง่วงให้เห็นกันบ้าง แนะนำเลยครับว่าหากเริ่มมีอาการง่วงให้แวะพักไม่ว่าจะเป็นแวะพักทานกาแฟ แวะปั๊มหรือว่าจะแวะข้างทางยืดเส้นยืดสายเพื่อให้หายง่วง อย่าพยายามฝืนตัวเองไม่อย่างนั้นหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไม่คุ้มกับการเดินทาง จากทริปที่จะสนุกจะกลายเป็นทริปที่กร่อยไปเลยครับ
|
|
|
|
กว่าจะเดินทางมาถึงนครพนมก็เล่นเอาช่วงหัวค่ำเลยครับแต่ก็ดีที่ได้มีการจองที่พักไว้ก็คือที่ Sixty Nine รีสอร์ท หรือ 69 รีสอร์ทนั่นแหละครับ โดยที่พักที่นี่จะมีด้วยกัน 2 โซนก็คือโซนที่เป็นตึกอยู่ด้านหน้าติดกับถนน กับอีกโซนนึงที่ผมเลือกก็คือบ้านเป็นหลังซึ่งอยู่ด้านหลัง ในราคา 550 บาทเท่านั้นอง จะมีข้อดีที่มีโรงจอดรถให้เราสามารถจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ติดกับห้องพักได้อย่างสบาย เวลาขนของลงจากรถเขาทำได้อย่างสะดวกครับ
|
|
ด้านไหนก็ถือว่าสะอาดและกว้างขวางแถมมี WiFi ให้ใช้ด้วยครับ คืนนี้พักกันก่อนครับพรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกันอีกไกลครับ
|
|
|
|
เมื่อคืนนอนที่ Sixty Nine รีสอร์ท สบายเลยครับหลับเต็มอิ่ม เช้ามาเรา Check Out และเตรียมตัวที่จะเดินทางไปกันต่อครับ โดยที่เช้านี้เราจะไปที่ Street Art นครพนม ซึ่งเป็นจุดที่จะไปแวะทานข้าวแล้วก็ถ่ายรูปกันที่นี่ครับ
|
|
|
|
จาก Sixty Nine รีสอร์ท เดินทางมาที่ Street Art นครพนม ไม่ได้ไกลกันมากครับ ขี่รถมาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำไปซึ่งเราได้จอดรถไว้ที่หน้าร้าน Daddy Home ซึ่งเป็นร้านขายอาหารที่ถูกปากมากสำหรับพวกผมก็คือ ต้มเลือดหมู ครับโดยข้อดีของร้าน Daddy Home ก็คือจะอยู่ติดกับจุดที่หลายๆคนมา Street Art จะต้องมาถ่ายรูปที่นี่ครับ
|
|
โดยที่ Street Art นครพนม กับร้าน Daddy Home จะอยู่ติดกับริมแม่น้ำโขงซึ่งหากเรามาเดินเที่ยว เราจะสามารถถ่ายรูปกับวิวริมโขงและฝั่งประเทศเพื่อนบ้านของเราก็คือประเทศลาว และจุดถ่ายรูปที่นี่ก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนที่มาเที่ยวจังหวัดนครพนมครับ
|
|
|
สำหรับผู้สนใจ Yamaha NMAX สามารถเช็ก Spec ได้ที่นี่
พร้อมการรับประกันนานถึง 5 ปีหรือ 50,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) สามารถดูรายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่นี่
มาเป็นชาวแก๊งเดียวกัน ไม่พลาดทุกเทรนด์ของไบค์เกอร์ แอดไลน์ยามาฮ่า @yamahasociety
เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมาย! |