เที่ยวให้สุดแม็กซ์ EP.5/7 สักการะพระธาตุพนม ชมพญานาคใหญ่สุดในไทย by VRthairider

youtube embed

เติมพลังอาหารเช้าที่ร้าน Daddy Home และเดินถ่ายรูปเล่นที่ Street Art นครพนมเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อโดยที่ในวันนี้ปลายทางของเราก็คือที่จังหวัดมุกดาหาร แต่ก่อนที่จะไปถึงจังหวัดมุกดาหารเราจะไปแวะกันที่ พระธาตุพนม ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญจุดหนึ่งในจังหวัดนครพนมที่หลายคนมาเที่ยวจังหวัดพนมแล้วต้องแวะไปที่นี่กัน

โดยในวันนี้เป็นการเดินทางที่ถือว่าไม่ไกลมากนักครับโดยระยะทางในการเดินทางวันนี้จะอยู่แค่ประมาณ 100 กิโลเมตรเศษเท่านั้นเอง ด้วยจุดที่เราจะไปแวะเที่ยวที่จังหวัดมุกดาหารผมว่าไปเที่ยวในช่วงเย็นจะสวยงามที่สุดแล้วครับ และอีกจุดหนึ่งเราจะเที่ยวในตอนเช้าของอีกวันก็จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการขึ้นไปเที่ยวเช่นกันครับ

การเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวกเพราะว่าเป็นถนนเส้นหลักในการเดินทางจากจังหวัดนครพนมไปยังจังหวัดมุกดาหารไม่ได้มีเส้นทางที่ซับซ้อนใดมากนักแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึง พระธาตุพนม โดยที่พระธาตุพนมจะเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีวอก ซึ่งโดยส่วนมาก พระธาตุประจำปีเกิด จะอยู่โซนภาคเหนือซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งถ้าหากว่าใครที่เกิดปีวอกมาสักการะที่นี่รับรองไม่เสียเที่ยวแน่นอนครับ

สำหรับตัวพระธาตุจะมีรูปทรงที่ไม่ค่อยเหมือนกับพระธาตุตามภาคเหนือใครที่มาทางโซนอีสานหรือมาเที่ยวพระธาตุพนมไปครั้งแรกก็อาจจะรู้สึกแปลกตากับรูปทรงของพระธาตุที่นี่ครับ อีกทั้งพระธาตุพนมถือว่าเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่มากที่สุดในภาคอีสานครับ

พวกเราใช้เวลาอยู่ที่พระธาตุพนมพอสมควรครับก่อนที่จะเตรียมตัวและก็เดินทางต่อไปยังจังหวัดมุกดาหารซึ่งเส้นทางในการเดินทางก็ไปเส้นทางหลักปกติเดินทางได้อย่างสะดวกครับ

วันนี้ถือว่าเป็นการเดินทางที่ไม่ค่อยได้เร่งรีบอะไรมากนัก เพราะเราเซ็ตจุดที่เราจะเที่ยวอยู่แล้วว่าจุดไหนเราจะต้องเข้าช่วงไหนถึงจะสวยหรือจุดไหนที่เขาเปิดให้บริการในวันไหนวันนี้ก็เลยเดินทางไม่ไกลมากไปกันแบบชิวๆเรื่อยๆ

เมื่อเราเดินทางมาถึงจังหวัดมุกดาหารอันดับแรกเลยก็คือมุ่งตรงเข้าที่พักที่เราได้จองไว้ก็คือ มุกวิวรีสอร์ท ซึ่งจะเป็นที่พักที่อยู่ใกล้กับ หอแก้วมุกดาหาร ที่เราแปลนเอาไว้ว่าจะเข้าไปเที่ยวในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ส่วนในเย็นนี้เราจะเข้าไปเดินเที่ยวกันที่ วัดรอยพระพุทธบาตรภูมโนรมย์ ซึ่งที่นี่จะมีรูปปั้นของพญานาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งอยู่ที่นี่ พักเอาแรงสักครู่แล้วช่วงเย็นๆค่อยเข้าไปถ่ายรูปที่นี่กัน และก็ถือโอกาสซักเสื้อผ้าเพราะว่าเราเดินทางมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีชุดใส่จนจบทริป

ราวๆ 16:00 น เราก็ออกจากที่พักเพื่อจะเข้าไปที่ วัดรอยพระพุทธบาตรภูมโนรมย์ เพราะช่วงเวลานี้กับการถ่ายรูปแสงเย็นจะเป็นช่วงที่สวยที่สุดแล้วครับสำหรับการถ่ายรูปที่นี่ จากที่พักไปที่ วัดรอยพระพุทธบาตรภูมโนรมย์ ก็ถือว่าไม่ไกลมากนะครับขี่รถไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ต้องบอกเลยว่าที่พักจุดนี้สามารถเที่ยวได้ 2 ที่ใกล้ๆกันเลยครับ

ก่อนที่จะถึงวัดเส้นทางก็จะเป็นถนน 2 เลนไม่ได้กว้างมากนัก จะลาดชันนิดหน่อย ขับขี่ต้องระมัดระวังบ้างเพราะว่าช่วงเย็นๆจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายขึ้นลงที่วัดค่อนข้างเยอะอยู่ครับ

เมื่อมาถึงที่วัดสิ่งที่โดดเด่นเลยและเห็นได้ชัดก็คือ พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ เป็นองค์พระขนาดใหญ่และ พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช หรือ ปู่ศรีมุกดา จะเห็นเป็นหัวพญานาคที่โผล่หัวมาออกมาให้เห็นไกลๆก็จะรู้ได้เลยว่าเราจะต้องเดินไปทางไหนเพื่อที่จะไปที่ รูปปั้นพญานาค

เดินเข้าไปประมาณ 200 เมตรก็จะถึงที่รูปปั้นพญานาคแค่เดินเข้าไปถึงก็เห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการของรูปปั้นพญานาค ดูช่างน่าเกรงขามมากๆครับ

หากใครมาที่นี่สิ่งที่ควรต้องทำก็คือการเดินลอดใต้ท้องรูปปั้นพญานาค ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดอยู่ 7 ช่อง โดยแต่ละช่องก็จะมีความเชื่อของการลอดใต้ท้องแล้วจะได้มีผลดียังไงกับชีวิตบ้าง ไม่รอช้าครับเดินให้ครบทุกช่องตามความเชื่อของการมาที่นี่ครับ

หากคนที่ชอบถ่ายภาพก็จะมีมุมกล้องอยู่มุมนึงที่เราสามารถถ่ายให้เห็นองค์พระโดยจะเป็นพญานาคล้อมรอบตัวองค์พระไว้ซึ่งจุดนี้ผมว่าน่าจะเป็นจุดที่เป็นไฮไลท์ของการถ่ายรูปที่นี่เลยครับ

อยู่ที่จนมืดครับแล้วก็ได้เวลากลับที่พักเพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องเดินทางค่อนข้างที่จะไกลมากครับ โดยที่บน วัดรอยพระพุทธบาตรภูมโนรมย์ ก็สามารถเห็นวิวของริมน้ำโขงและฝั่งลาวได้อย่างชัดเจนรวมไปถึงเห็น หอแก้วมุกดาหาร ที่เราจะไปพรุ่งนี้ด้วยครับ

นอนหลับเอาแรงเต็มที่ เช้ามาเมื่อออกจากห้องพักมาเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่า หอแก้วมุกดาหาร อยู่ใกล้กับที่พักของเราแค่นี้เอง แต่ที่หอแก้วมุกดาหารจะเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเวลา 8:30 น. เราจึงออกจากที่พักใกล้ๆกับเวลาที่หอแก้วมุกดาหารเปิดให้บริการไม่ต้องรีบอะไรครับ

โดยแปลนของเราในวันนี้ก็คือช่วงเช้าเราจะขึ้นไปเที่ยวที่ หอแก้วมุกดาหาร แล้วเดินทางยิงยาวไปยังช่องเม็กจังหวัดอุบลราชธานี โดยระยะทางก็ประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร แต่ในวันนี้เราอาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อยเพราะเห็นฟ้ามืดครึ้มมาไกลๆหากเจอฝนคิดว่าน่าจะไปถึงช่องเม็กเย็นแน่นอนครับ

สำหรับหอแก้วมุกดาหารก็จะเป็นแลนด์มาร์คของทางจังหวัดมุกดาหารโดยจะมีจำนวน 7 ชั้นสูง 65.5 เมตร ส่วนตัวฐานก็จะเป็นรูปทรงเก้าเหลี่ยมซึ่งก็หมายถึงรัชกาลที่ 9 นั่นเองครับ ด้านบนก็จะสามารถชมวิวได้ 360 องศาเห็นทั้งวิวตัวเมืองมุกดาหารและเขตประเทศลาว จะเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่เดี๋ยวต้องขึ้นไปดูด้วยตาตัวเองครับ

ในวันนี้เขาไม่มีการเก็บค่าบริการเข้าชมสามารถเข้าชมได้ฟรี เป็นโชคดีของพวกเรามากๆครับแต่จะเปิดบริการฟรีถึงเมื่อไหร่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีคำตอบให้ น่าจะเปิดให้ดูได้เรื่อยๆครับโดยการขึ้นไปชั้นบนก็ไม่ต้องจำเป็นต้องเดินขึ้นไป เพราะมีลิฟท์ให้ใช้งานสะดวกสบายมาก โดยชั้นล่างสุดก็จะเป็นนิทรรศการแสดงศิลปะพื้นบ้านและโบราณคดีต่างๆแนะนำว่าให้เดินชมให้ทั่วก่อนขึ้นไปชั้นบนครับ

พวกเรากดลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่ 6 เพราะว่าในชั้นนี้จะเป็นชั้นที่เอาไว้สำหรับชมวิวทิวทัศน์ 360 องศาและก็มีกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญให้เราได้ใช้งานอย่าลืมแลกเหรียญขึ้นไปด้วยนะครับเราสามารถส่องเห็นองค์พระที่วัดได้อย่างชัดเจนเลยครับ

ได้เวลาออกเดินทางต่อครับอีกประมาณ 200 กว่ากิโลเมตรก็จะถึงช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการเดินทางที่ทำเวลายากพอสมควร เพราะเส้นทางนี้ถนนในบางช่วงก็จะค่อนข้างที่จะเป็นหลุมเป็นบ่อเรียกได้ว่าช่วงล่างของเจ้า Yamaha Nmax ต้องต้องทำงานอย่างเต็มที่เลยครับ

ในบางช่วงของการเดินทางเราก็ต้องหลบเข้าข้างทาง เพราะเจอฝนเข้าอย่างหนักและคิดว่าหลังจากนี้ก็น่าจะเจอฝนกันอีกยาวๆ พอดูจากฟ้าแล้วไม่น่าจะรอดครับ

ก่อนที่จะถึงช่องเม็กก็จะผ่าน สามพันโบก ซึ่งพวกเราก็จะลองแวะเข้าไปดูเผื่อว่าหากน้ำไม่เยอะก็จะลงไปเที่ยวข้างล่างที่ สามพันโบก แต่ทุกอย่างไม่มีปาฏิหาริย์ช่วงนี้แม่น้ำโขงค่อนข้างเยอะไม่สามารถที่จะลงไปที่ สามพันโบกได้ครับก็เลยแวะหลบฝนที่นี่เพื่อรอเดินทางต่อไปที่ช่องเม็กครับ

สำหรับผู้สนใจ Yamaha NMAX สามารถเช็ก Spec ได้ที่นี่

พร้อมการรับประกันนานถึง 5 ปีหรือ 50,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) สามารถดูรายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่นี่

มาเป็นชาวแก๊งเดียวกัน ไม่พลาดทุกเทรนด์ของไบค์เกอร์ แอดไลน์ยามาฮ่า @yamahasociety
เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมาย!