youtube embed
|
อีกหนึ่งอาชีพที่เป็นที่นิยมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์นั้นก็คือ อาชีพวินมอเตอร์ไซค์ แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือ การทำงานแบบ Delivery รับส่งของหรือส่งอาหารด้วย นับเป็นอีกงานหนึ่งที่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์สามารถทำควบคู่กันไป ซึ่งในครั้งนี้เราได้พบกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) รถมอเตอร์ไซค์ครอบครัวที่เรียกได้ว่าคุ้มสุดในยุคนี้ ขนาด 115 ซีซี 4 จังหวะ ที่มีดีไซน์ทันสมัย และกำลังเป็นที่ต้องการของผู้ใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณณรงค์ ชัยปราโมทย์ ที่ทำงานในอาชีพวินมอเตอร์ไซค์และรับส่งของ มาเล่าถึงประสบการณ์การขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ ให้พวกเราได้ทราบกัน
“สวัสดีครับ ผมนายณรงค์ ชัยปราโมทย์ อายุ 36 ปี ทำอาชีพวินมอเตอร์ไซค์และส่งของ ผมขับวินมอเตอร์ไซค์มากว่า 15 ปี ก่อนหน้านี้ก็ทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัท แต่ช่วงหลังนอกจากขี่วินแล้วก็จะรับงานส่งของ Delivery โดยใช้รถยามาฮ่าฟินน์ คันนี้เป็นพาหนะคู่ใจในการรับส่งของมา 3 ปีแล้ว ผมซื้อยามาฮ่าฟินน์มาตั้งแต่เปิดตัวช่วงแรกๆ ครับ” คุณณรงค์ เล่าให้ทีมงานเราฟังแบบเป็นกันเอง
|
|
ทั้งนี้ “คุณณรงค์”ได้บอกถึงสาเหตุที่เลือกจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) ว่า “เหตุผลที่เลือกยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) เพราะรูปทรงของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ดูแลรักษาง่าย เป็นรถที่มีความคล่องตัว อีกทั้งยามาฮ่า ฟินน์ ยังเติมน้ำมันได้หลากหลายทั้งแก๊สโซฮอล์ 95 ไปจนถึง E85 เลย” ซึ่งส่วนตัว “คุณณรงค์” มีรถอยู่ที่บ้านด้วยกันถึง 4 คัน โดยคุณณรงค์เล่าให้ฟังต่อว่า “ปกติแต่ละวันจะเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดสูงของสองค่ายน้ำมัน นานๆ ครั้งถึงจะใช้ E20 และ E85 ในแต่ละวันจะขี่รถเฉลี่ยประมาณ 300-350 กิโลเมตร… ซึ่งตั้งแต่ซื้อยามาฮ่าฟินน์มาก็ไม่มีปัญหาจุกจิกมากวนใจ ยิ่งผมทำงานสายอาชีพนี้จึงต้องดูแลใส่ใจรถแต่ละคันเป็นพิเศษครับ”
ชีวิตประจำวันแต่ละวันของ “คุณณรงค์” ต้องอยู่บนท้องถนนกับรถจักรยานยนต์คู่ใจอย่าง ยามาฮ่า ฟินน์ ซึ่ง“คุณณรงค์” เล่าต่อว่า “ปกติในแต่ละวันก็จะเติมน้ำมันอยู่ประมาณถังครึ่งถึง 2 ถังต่อวัน กับระยะทาง 300-350 กม. รายได้ต่อวันก็ประมาณ 2,500-3,800 บาท และเมื่อหักรายได้จากค่าน้ำมัน ก็จะเหลือเก็บมากกว่า 90 % ซึ่งเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์รุ่นอื่นก็ถือว่าคุ้มกว่ามาก อีกทั้งยังดูแลรักษาง่าย และในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ ผมว่ารถออกตัวพุ่งแรงดี เมื่อเทียบกับค่าน้ำมันที่จ่ายไปถือว่าประหยัดกว่า”
|
|
อีกทั้งยังบอกเล่าถึงจุดเด่นของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) อีกว่า “ข้อดีของยามาฮ่า ฟินน์ ที่ผมเห็นว่าแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ครอบครัวยี่ห้ออื่นก็คือ กล่องเก็บของใต้เบาะที่มีขนาดใหญ่กว่ารถในซีซี 110 เท่ากันและอีกตัวนึงที่ไม่มีใครเหมือนก็คือ กล่องเก็บด้านหน้าที่ใส่ขวดน้ำดื่มได้ รวมถึงสวิทช์กุญแจ ซึ่งถ้าเป็นรถรุ่นอื่นเราจะต้องดึงกุญแจออกมาเปิดตรงเบาะ แต่ยามาฮ่า ฟินน์ มีสวิทช์กุญแจแบบมัลติฟังก์ชันอยู่ในจุดเดียวกัน ซึ่งสามารถสตาร์ทรถ เปิดเบาะ และล็อกคอได้ในจุดเดียว”
จากวันแรกที่ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) มาจนถึงวันนี้ร่วม 3 ปี “คุณณรงค์” บอกกับทีมงานว่า “ตอนนี้ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) มาเกือบ 3 ปีแล้วครับ เลขไมล์อยู่ที่ 49,000 กว่ากิโล อีก 200 โลก็ถึงห้าหมื่นแล้ว ถ้าเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ครอบครัวยี่ห้ออื่นที่ผมเคยจับเคยลอง แค่ 2 เดือนแรก ก็จะมีอาการก๊อบแก๊บแล้ว แต่สำหรับยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) ไม่มีปัญหาเลยครับ ในความรู้สึกผมนับตั้งแต่ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) มาถือว่าคุ้มค่ามากครับ ใช้งานได้หลากหลาย มีความประหยัดน้ำมัน เติมน้ำมันได้หลากหลาย แถมยังมีความคล่องตัวในการรับส่งผู้โดยสารหรือรับส่งของ รวมถึงวิ่งไปในพื้นที่ที่การจราจรติดขัดได้ง่าย เพราะด้วยโครงสร้างของตัวรถ และระยะแฮนด์ที่สูงกว่ารถรุ่นอื่น เราสามารถคอนโทรลรถในช่วงเวลาซิกแซกได้ง่าย”
ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกของ “คุณณรงค์ ชัยปราโมทย์” หนึ่งในนักบิดที่ยึด 2 อาชีพ ที่ต้องใช้ชีวิตและทำงานอยู่บนท้องถนน ได้มาเล่าถึงประสบการณ์การใช้งานรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันว่ารถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ครอบครัวที่คุ้มสุดในยุคนี้
|
|
สำหรับเพื่อนคนไหนที่สนใจ ยามาฮ่า ฟินน์ (Yamaha FINN) สามารถเช็ก Spec และรายละเอียดได้ที่นี่ หรือ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ร้านผู้จำหน่ายใกล้บ้านครับ
|
