“Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” คือ โปรเจ็คที่เกิดขึ้นจากดำริของเพื่อนสมาชิกสื่อมวลชน 6 ฉบับ ที่ต้องการนำรถจักรยานยนต์ของค่ายยามาฮ่าอย่าง Yamaha YZF-R3 สปอร์ตไบค์สายพันธุ์แชมป์ตระกูล R-Series และ Yamaha Exciter 150 สุดยอดรถ Sport Moped ออกไปท่องเที่ยวพร้อมกับทดสอบสมรรถนะบนท้องถนนไปในตัว โดยเส้นทางการเดินทางของทริปนี้คือ กรุงเทพฯ-โคราช-ขอนแก่น-หล่มสัก-เพชรบูรณ์-กรุงเทพฯ รวมระยะทางเกือบ 1,500 กม. ทริปนี้บอกได้เลยว่ามันส์แน่นอน!!!
เริ่มต้นการเดินทางกับ Yamaha YZF-R3 วันแรกของการเดินทางไรเดอร์ของ FRM เลือกที่จะขี่ Yamaha YZF-R3 โดยผู้ร่วมทริปนี้ได้นัดรวมตัวกันที่ปั๊ม ปตท. เลียบทางด่วนรามอินทราฯ กันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ขบวนของทริปนี้ประกอบไปด้วย Yamaha YZF-R3 จำนวน 5 คัน, Yamaha Exciter 150 อีก 2 คัน และพ่วง Yamaha YZF-R15 มาอีก 1 คัน ปิดท้ายด้วยรถตู้ที่ขนทีมงานและคอยเป็นรถเซอร์วิสอีก 1 คัน เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพเราก็เคลื่อนตัวออกจากจุดนัดหมายทันทีในเวลา 6 โมงตรง
โดยเส้นทางเช้านี้เราจะต้องผ่านถนน รามอินทรา – สะพานใหม่ – รังสิต ซึ่งช่วงเช้านี้การจราจรค่อนข้างที่จะหนาแน่พอสมควร ทำให้เราได้ทดสอบความคล่องตัวของเจ้า R3 นี้ไปในตัวเลยทีเดียว และทำให้เราได้รู้ว่าแม้ Yamaha YZF-R3 จะเป็นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความเร้าใจในการขับขี่สไตล์สปอร์ต แต่ถ้าต้องนำมาขับขี่ใช้งานในเมืองในชีวิตประจำวัน เราก็สามารถที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องตัว เพราะถึงแม้ว่าการจราจรจะหนาแน่น แต่เราก็สามารถที่จะบังคบรถซิกแซ็กให้ผ่านไปตามช่องว่างระหว่างรถยนต์ได้อย่างสบายๆ เพราะด้วยตำแหน่งของแฮนด์ที่ไม่ทำให้ตัวผู้ขับขี่ก้มต่ำลงไปมากนักและกำลังเครื่องยนต์ในรอบต้นที่สามารถสั่งงานได้อย่างทันใจ ทำให้เราโยกรถพลิกรถและบิดคันเร่งพาตัวเองให้หลุดพ้นการจราจรที่แสนจะวุ่นวายในเมืองออกไปได้แบบชิลล์ๆ กันเลยทีเดียว
เดินทางไม่นาน...เราก็มาถึงร้านบ้านสวน 1 ที่เป็นจุดพักกินข้าวมื้อเช้าของพวกเรา เมื่ออิ่มท้องกันแล้วขบวน “Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” ก็เดินทางกันต่อ โดยจุดหมายต่อไปอยู่ที่ โคราช เพื่อไปสักการะย่าโม ซึ่งในช่วงนี้และที่เราจะสัมผัสกับความแรงของแรงม้าจาก Yamaha YZF-R3 ออกมากันได้เต็มที่...แต่ก่อนอื่น เรามาว่ากันในเรื่องของช่วงล่างกันก่อนดีกว่า เพราะถนนสายบายพาส สระบุรี-แก่งคอย นั้น ถ้าใครเคยผ่านจะรู้ว่าพื้นถนนจะไม่เรียบซะทีเดียวนัก เป็นหลุมเป็นบ่ออยู่เป็นระยะๆ ทำให้ช่วงล่างของรถ ต้องทำงานหนักพอสมควรทีเดียว โดยความเร็วที่เราใช้ในช่วงนี้อยู่ที่ 100-120 กม./ชม. แต่เราสามารถรู้สึกได้ถึงความนิ่งความเสถียรของตัวรถได้เป็นอย่างดี เพราะจากที่เคยรู้สึกว่าโช้คหลังทำงานนุ่มไปเมื่อตอนขี่ในสนามช้างฯ แต่พอมาเจอกับสภาพถนนแบบนี้ เรากลับรู้สึกว่ามันทำให้เราขี่ Yamaha YZF-R3 ได้อย่างสบาย นุ่มนวล และสามารถที่จะคุมควมรถได้อย่างมั่นคง แม้จะขี่ด้วยความเร็วบนถนนที่ไม่ราบเรียบก็ตาม
เมื่อหลุดพ้นจากเส้นบายพาส เราก็เจอกับเส้นทางลาดชันที่ไต่ระดับจากพื้นราบขึ้นสู่ที่ราบสูงช่วง แก่งคอย – มวกเหล็ก – ลำตะคอง และด้วยพละกำลังที่มี 321 ซีซี. กับ 42 แรงม้า ทำให้เราทะยานขึ้นสู่ที่ราบสูงได้แบบง่ายดาย รอบเครื่องยนต์ไม่มีตก แรงม้าไม่มีถอย ส่งผลให้เราสนุกและเร้าใจกับเส้นทางในช่วงนี้ได้มากเลยทีเดียว ก่อนที่จะแวะพักถ่ายรูปกันที่ลำตะคองกันเล็กน้อย ซึ่งที่นี่ก็มีผู้คนที่แวะพักเหมือนกับเราเข้ามาทักทายพร้อมทั้งขอถ่ายรูปกับ Yamaha YZF-R3 และเหล่าไรเดอร์กันอย่างสนุกไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากแวะพักกันพอสมควรแล้ว ขบวนของเราก็ออกเดินทางกันต่อ โดยคราวนี้เราเดินทางด้วยความเร็วยืนพื้นที่ 120-130 กม./ชม. ซึ่งบอกได้เลยว่า Yamaha YZF-R3 นั้นพาเราไปได้แบบสบายๆ โดยที่ไม่ต้องออกแรงบิดคันเร่งมากนัก ในบางช่วงพอสบโอกาสถนนโล่งๆ เราลองบิดคันเร่งเพื่อลองทำท็อปสปีดดูบ้าง ซึ่งจากความเร็วยืนพื้นเราก็พุ่งทะยานไปที่ความเร็ว 150-160 ได้อย่างทันใจ จากนั้นความเร็วก็ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั้งขยับขึ้นมาถึง 188 กม./ชม. โดยรอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 12,000 รอบ/นาที ซึ่งเป็นท็อปสปีดที่เราทำได้สูงสุดในทริปนี้ และเป็นตัวเลขที่ต้องบอกว่า “พอแล้ว” สำหรับรถในพิกัดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจมากกว่าตัวเลขท็อปสปีดก็คือ การขี่ด้วยความเร็วยืนพื้นที่ 140 กม./ชม. แล้ว เจ้า R3 สามารถพาเราเดินทางไปได้แบบชิลล์ๆ มีความมั่นคง ให้ความรู้สึกปลอดภัย และมีกำลังอีเหลือเฟือในการบิดคันเร่งเพื่อแซงหรือต้องการเพิ่มความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ได้อีกด้วยนั่นเอง...ด้วยเวลาเพียงพริบตาเดียว ขบวน “Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” ก็เดินทางมาถึง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เมืองโคราช เมื่อจอดสักการะ “ย่าโม” ขอพรให้เดินทางปลอดภัยตลอดทริปกันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อ เพื่อไปกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านขาหมูหินดาดซึ่งอยู่ในปั๊ม PT จอหอ เส้นทางมุ่งหน้าสู่ จ.ขอนแก่น
เมื่ออิ่มท้องเราก็วิ่งยาวสู่เมืองขอนแก่น โดยในช่วงนี้เราลองจับความรู้สึกของเครื่องยนต์ Yamaha R3 เมื่อต้องแช่ยาวๆ ที่ความเร็ว 130 กม./ชม. รอบเครื่องประมาณ 8,500-9,000 รอบ/นาที กันด้วยบ้าง ซึ่งผลปรากฏว่าเครื่องยนต์ที่ใช้กระบอกสูบไดอะซิล ลูกสูบฟอร์จ ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ ของสปอร์ตไบค์คันนี้ ทำงานได้อย่างราบลื่น ไม่มีอาการสะดุด รอบเครื่องไม่มีตก แม้ว่าจะต้องทำงานท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุและติดต่อกันเป็นเวลานาน และเมื่อต้องการเร่งแซงเราก็สามารถที่จะกดคันเร่งเพิ่มรอบความเร็วได้ทันทีโดยไม่รู้สึกอืดแม้แต่น้อย และขี่เพลินๆ เผลอแป๊ปเดียวเราก็มาถึงตัวเมืองขอนแก่นในช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมง ขบวนของเราจึงขี่เลยไปเขื่อนอุบลรัตน์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 40 กม. เพื่อไปเก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนตีรถกลับเข้าตัวเมืองในช่วงเย็น
รวมระยะทางของการเดินทางกับ Yamaha YZF-R3 ในวันแรกนี้อยู่ที่ประมาณ 550 กม. บอกได้เลยว่านอกจากจะเป็นรถที่ถูกดีไซน์มาในมาดสปอร์ตไบค์แล้ว R3 ยังเป็นรถที่สามารถนำมาขับขี่เดินทางไกลได้อย่างสบายๆ อีกด้วย เพราะเราไม่รู้สึกว่าร่างกายเมื่อยล้าเหมือนกับการขี่รถสปอร์ตแม้แต่น้อย แต่เราสามารถสนุกและเร้าใจกับพละกำลังเครื่องยนต์และอัตราเร่งแบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้ได้อย่างเต็มพิกัดอีกด้วย ทำให้เราสามารถสนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่นั่นเอง...
วันที่ 2 ของการเดินทางกับ Yamaha Exciter 150
วันนี้เราเปลี่ยนรถมาลองขี่ Yamaha Exciter 150 สุดยอดรถ Sport Moped กันดูบ้าง โดยเช้านี้เราได้ไกด์พาเที่ยวกิตติมศักดิ์อย่าง “เสี่ยต๋อง - สุพัฒน์ ฉัตรชัยพลรัตน์” ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า “เมืองพลฉั่วเต็กไถ่” เมืองขอนแก่น พาขบวน “Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” ไปชมความอลังการของ “ทุ่งปอเทือง” ซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่วที่ชาวนาปลูกเพื่อปรับสภาพดินก่อนทำนา ที่กำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวกรุงอย่างเรา...หลังจากจบทริปชมทุ่งปอเทืองเรียบร้อยและกล่าวคำอำลากลับเจ้าบ้านเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อโดยจุดหมายวันนี้อยู่ที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเส้นทางที่เราเลือกวันนี้คือ ขอนแก่น – ชุมแพ – น้ำหนาว – หล่มสัก โดยในช่วงแรกนี้เป็นเส้นทางตรงยาวๆ ที่เปิดโอกาสให้เราได้ทดสอบขับขี่เจ้า Exciter 150 กันแบบเต็มพิกัดเลยทีเดียว
ท่านั่งขับขี่ของ Exciter 150 นี้ สัมผัสแรกของเราคือ ความสบาย เพราะสามารถนั่งลงบนเบาะได้แบบเต็มๆ ช่วงแขนที่เหยียดเอามือไปจับแฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตึงหรืองอจนเกินไป เท้าเมื่อวางบนพักเท้าลงตัวทำให้ช่วงล่างของลำตัวและหัวเข่าสามารถหนีบเข้ากับตัวรถได้อย่างพอดี นอกจากนี้คลัทช์มือที่สามารถบีบได้อย่างนุ่มสบายมือก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกดี ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าวันนี้คงจะสนุกและเร้าใจไม่แพ้กับการเดินทางในวันแรกอย่างแน่นอน
เมื่อออกเดินทางเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี. ที่มาพร้อมกระบอกสูบไดอะซิล ลูกสูบฟอร์จ และรบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ ก็ให้การตอบสนองต่อการบิดคันเร่งได้อย่างเร้าใจตั้งแต่เกียร์ 1 ถึง เกียร์ 5 เลยทีเดียว โดยเราลองออกตัวไล่ตั้งแต่เกียร์ 1 พร้อมทั้งเตะเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ 10,000 รอบ/นาที (เรดไลน์พอดี) Exciter 150 ก็พาเราพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเกียร์ต่อเกียร์ไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป ช่วงเกียร์ 1 – 3 รอบเครื่องจะขึ้นถึงเรดไลน์เร็วพอสมควร แต่เกียร์ 4 – 5 นั้นจะค่อยๆ ไหลขึ้น และความเร็วท็อปสปีดที่เราทดลองบิดออกมาได้สำหรับรถ Sport Moped 150 ซีซี คันนี้อยู่ที่ 138 กม./ชม. ที่รอบเครื่อง 10,000 รอบ/นาที โดยผู้ขับขี่อยู่ในท่าหมอบลู่ลม (แต่มีกระเป๋าเป้สะพายหลัง) ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่สูงนะสำหรับรถที่ถูกออกแบบเพื่อการขับขี่ใช้งานเป็นหลัก
โดยในการลองวัดความเร็วในครั้งนี้ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ว่า ยางหลังขนาดใหญ่ขนาด 120/70-17 ของ Exciter 150 ช่วยให้รถมีความเสถียรเป็นอย่างมากเมื่อเดินทางด้วยความเร็วแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกถึงความมั่นคงและอุ่นใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่เราก็รู้สึกขัดใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ในท่าหมอบเพราะ ท่านั่งของเราต้องเลื่อนถอยหลังและไปติดกับโหนกนูนที่เป็นช่วงของเบาะคนซ้อนท้าย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเราก็แค่เลื่อนแค่ชนโหนกและก้มตัวให้คางเกยอยู่กับเรือนไมล์ แค่นี้เราก็ทะยานทำความเร็วกันได้อย่างสบายๆ แล้ว
ในช่วงที่สองของวันนี้คือ เส้นทาง ชุมแพ – น้ำหนาว ขอบอกว่าเป็นสิ่งที่เรารอคอยกันเลยทีเดียว เพราะเส้นทางช่วงนี้เป็นเส้นทางที่คดโค้งขึ้นลงเขาและสภาพพื้นถนนค่อนข้างดีมาก นั่นจะทำให้เราสามารถที่จะสนุก เร้าใจ และเพลิดเพลินกับการขับขี่ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งเจ้า Exciter 150 เองก็ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเหมือนรู้ใจ นอกจากกำลังเครื่องยนต์ที่พร้อมจะพาเราพุ่งทะยานไปข้างหน้าในทุกจังหวะการบิดคันเร่งแล้ว ช่วงล่างของเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Exciter 150 สร้างความประทับใจให้กับเราเป็นอย่างมาก เพราะทั้งหนึบทั้งแน่นทำให้เราสามารถพลิกรถแบนรถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ แม้ว่าเราจะลองเข้าโค้งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. เราก็ยังสามารถที่จะคุมรถให้สงบนิ่งและไหลไปตามโค้งได้แบบเนียนๆ โดยไม่มีอาการยวบหรือยุบให้รู้สึกเสียวแม้แต่น้อย ทำให้เราสนุกและเร้าใจไปกับการไต่เขาไล่โค้งต่อโค้งอย่างมั่นใจเลยทีเดียว
เราเดินทางมาถึง อ.หล่มสัก ในเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า เจ้าบ้านอย่าง “พี่แต๋ว – มะลิ รัตนครอง” ร้านรัตนเภสัชยานยนต์ ดีลเลอร์ยามาฮ่ารายใหญ่ ก็พาขบวนของเราไปกินขนมจีนเจ้าดังของที่นี่ “ขนมจีนเสวย ขยุ้มเจ๊แร่” ที่มีรสชาติความอร่อยที่หลากหลายและมีสีสันชวนลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง และหลังจากที่พักอิ่มท้องกันเรียบร้อย เราก็ตั้งขบวนกันอีกครั้ง เพราะเวลาวันนี้ยังเหลืออีกเยอะ โดยเราตกลงกันว่าจะขี่รถไปเที่ยว “เขาค้อ” ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 60 กม.
จากหล่มสักเราเลือกเส้นทางหลวงหมาย 12 เพื่อเลี้ยวซ้ายที่แคมป์สนในการมุ่งหน้าสู่เขาค้อ โดยช่วงแรกนี้เราต้องเจอกับถนนที่กำลังทำทางอยู่ ทำให้เรามีโอกาสได้ลองสมรรถนะช่วงล่างของ Exciter 150 กันอีกครั้ง และก็ไม่ผิดหวังเพราะแม้ว่าเส้นทางจะขรุขระ ไม่ราบเรียบ สักเพียงใด เราก็ผ่านไปได้แบบสบายๆ เพราะช่วงล่างสามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างอยู่หมัด และด้วยขนาดยางหลังที่ใหญ่ทำให้พื้นผิวสัมผัสที่มากขึ้น ช่วยให้การทรงตัวเมื่อต้องขับขี่บนสภาพทางที่ลื่นและไม่เรียบแบบนี้ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว...
เมื่อหลุดจากทางหลวงหมายเลข 12 เราก็ได้สนุกกับเส้นทางขึ้นเขาคดโค้งที่มุ่งหน้าสู่เขาค้อกันอีกครั้ง โดยคราวนี้เราเปลี่ยนมาโฟกัสในเรื่องของเบรกกันบ้าง เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าช่วยให้เราสามารถขับขี่ไปตามเส้นทางแบบนี้ได้อย่างสนุกและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยในจังหวะช่วงเข้าโค้งลงเขาเพียงแค่เรายกคันเร่งเครื่องยนต์ก็ดึงและชะลอความเร็วให้ลดลงได้โดยที่ไม่ต้องใช้เบรกมากนัก หรือในกรณีที่เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเครื่องยนต์ก็ยังคงช่วยดึงด้วยความสมูทนุ่มนวล ทำให้เราสามารถที่จะควบคุมรถได้โดยไม่เสียอาการท้ายปัดหรือสไลด์แม้แต่น้อย ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องใช้งานหรือขับขี่ท่องเที่ยวไปตามเส้นทางสวยๆ บนเขาแบบนี้
หลังจากที่ถึงเขาค้อ แวะถ่ายรูปเก็บภาพทิวทัศน์ “ทะเลภูเขา” ที่อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อกันจนสมควรแก่เวลา เราก็มุ่งหน้าย้อนกลับหล่มสักเพื่อเข้าที่พัก เพราะในช่วงค่ำเรามีนัดกับ พี่โมทย์และพี่แต๋ว แห่งร้านรัตนเภสัชยานยนต์ ที่อาสาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้ออค่ำให้กับพวกเรานั่นเอง...รวมระยะทางที่เราได้สนุกกับ Exciter 150 ในวันนี้อยู่ที่เกือบๆ 400 กม. กันเลยทีเดียว!!
ปิดทริป 1,500 กม. กับ Yamaha YZF-R3 & Yamaha Exciter 150
วันสุดท้ายกับทริป “Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” นี้ เรากับมาขี่ R3 อีกครั้ง บนเส้นทาง หล่มสัก – เพชรบูรณ์ – กรุงเทพฯ โดยเราออกจากหล่มสักกันแต่เช้า เพราะต้องแวะตัวเมืองเพชรบูรณ์เพื่อสัมภาษณ์ พี่โมทย์ แห่งร้านรัตนเภสัชยานยนต์ ในหัวข้อเรื่องรถเก่ารถสะสมกันอีกครั้ง จากนั้นเราก็ขับขี่ยาวๆด้วยความเร็วยืนพื้นแบบสบายๆ 120-130 กม./ชม. เพื่อให้ Yamaha Exciter 150 สามารถเกาะกลุ่มไปกับ Yamaha YZF-R3 ได้แบบไม่ต้องเร่งเครื่องยนต์กันจนเกินไปนัก เพราะรถ Sport Moped 150 ซีซี. คันนี้ สามารถยืนพื้นที่ความเร็วระดับนี้ได้โดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องก้มหมอบ นั่นจะทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมที่ผ่านไปได้ด้วย
ขบวนของเราแวะพักกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านบัวตอง เพื่ออิ่มอร่อยกับไก่ย่างวิเชียรบุรี ก่อนที่จะเดินทางกันต่อ โดยระยะทางในวันสุดท้ายนี้อยู่ที่ประมาณ 390 กม. โดยเป็นเส้นทางตรงๆ ยาวๆ ทำให้เรามีโอกาสได้สนุกและเร้าใจกับการเดินทางในทริปนี้เป็นการส่งท้าย ซึ่งขบวนของเราเดินทางถึงจุดหมายปลายทางที่ปั๊ม ปตท. เลียบทางด่วนรามอินทราฯ กันในเวลาประมาณ 17.00 น. ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันหลังจากที่เต็มอิ่มกับสมรรถนะของ Yamaha YZF-R3 และ Yamaha Exciter 150 กันแบบสุดๆ ซึ่งไรเดอร์ที่ขับขี่ในทริปนี้ต่างรู้สึกประทับใจกับรถทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นอย่างมาก...เพราะแม้ว่าจะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่ความมันส์และความเร้าใจที่ได้รับนั้น ไม่ต่างกันเลย!!
สรุปส่งท้าย ทริป “Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” รวมระยะทางเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1,444 กม. ความเร็วท็อปสปีด R3 อยู่ที่ 188 กม./ชม. ส่วน Exciter 150 ท็อปสปีดอยู่ที่ 138 กม./ชม. และสำหรับอัตราการใช้น้ำมันของ R3 คนที่เราขี่นั้นอยู่ที่ 25.42 กม/ลิตร โดยความเร็วเฉลี่ยที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 130 กม./ชม. (น้ำมันที่ใช้เป็น E20) ส่วน Exciter 150 คันที่เราขี่นั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 25.82 กม./ลิตร (น้ำมันที่ใช้เป็น E20) ความเร็วเฉลี่ย 120 กม./ชม.
และนี่ก็คือ ความสนุกและความเร้าใจของ ทริป “Tour & Test Yamaha YZF-R3 – Yamaha Exciter 150” ซึ่งนอกจากจะทำให้เราได้เพลิดเพลินกับการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว ยังได้สัมผัสกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า 2 แบบ 2 สไตล์ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย ซึ่งเราเชื่อว่า...ถ้าใครลองได้สัมผัสกับ Yamaha YZF-R3 และ Yamaha Exciter 150 เหมือนกับเราแล้ว คุณก็จะได้สัมผัสกับความสนุกและความเร้าใจที่ไม่แตกต่างจากเราอย่างแน่นอน!!!